ประธาน กสม. หารือผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ประจำประเทศไทย เพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิง

15/12/2568 7

            เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 เวลา 10.30 น. ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พรประไพ กาญจนรินทร์ พร้อมด้วยกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผศ. สุชาติ เศรษฐมาลินี ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รัตติกุล  จันทร์สุริยา เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรรษา หอมหวล และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พบหารือกับผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UNHCR) Ms. Tammi Sharpe และคณะ เพื่อแลกเปลี่ยนสถานการณ์และความคิดเห็นประเด็นผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิง

            ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนสถานการณ์ของผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงของกลุ่มต่าง ๆ ในประเทศไทย รวมถึงพัฒนาการที่สำคัญที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมามีสิทธิในการทำงาน (right to work) อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้กลุ่มผู้หนีภัยการสู้รบสามารถพึ่งพาตนเองได้ และเกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งต่อผู้หนีภัยฯ สังคม และเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยังต้องติดตามประเด็นนี้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการจ้างงานกลุ่มผู้หนีภัยฯ ยังคงมีจำนวนจำกัด นอกจากนั้น ที่ประชุมยังเห็นว่าการส่งเสริมสิทธิในการทำงานเป็นทางออกหนึ่งที่ยั่งยืนสำหรับผู้ไม่สามารถย้ายถิ่นฐานไปประเทศที่สาม (Resettlement) ได้

            ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า รัฐบาลไทยควรสนับสนุนผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงให้สามารถเข้าถึง “กลไกการคัดกรองคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรและไม่สามารถเดินทางกลับประเทศอันเป็นภูมิลำเนาได้ (National Screening Mechanism: NSM)” ให้มากขึ้น โดย UNHCR เห็นว่า กลไกดังกล่าวเป็นแนวทางการจัดการผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงที่มีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติมากที่สุด และเห็นว่ากลไก NSM ควรจะครอบคลุมถึงกลุ่มโรฮีนจา เพื่อแก้ไขปัญหาของกลุ่มชาวโรฮีนจาที่ถูกกักตัวเป็นระยะเวลานานโดยไม่มีกำหนดปล่อยตัว

           UNHCR ได้ยกข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในห้องกักของกลุ่มชาวโรฮีนจา อาทิ ความแออัด ปัญหาขาดแคลนน้ำซึ่งกระทบต่อสุขอนามัยของผู้ต้องกัก การเสียชีวิตในห้องกักเนื่องจากการขาดการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที และการถูกส่งกลับประเทศต้นทางโดยปราศจากความยินยอม โดยแม้ว่ารัฐบาลไทยจะมีแผนในการก่อสร้างสถานกักตัวคนต่างด้าวของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งใหม่ แต่ กสม. พบว่ายังไม่ปรากฏความคืบหน้าในการดำเนินการมากนัก ในโอกาสนี้ ประธาน กสม. ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของผู้ถูกควบคุมตัว สะท้อนจากการที่ กสม. จัดตั้งกลุ่มงานตรวจเยี่ยมสถานที่ควบคุมตัวและการป้องกันการทรมาน (National Preventive Mechanisms: NPM) และกำหนดให้สถานกักตัวคนต่างด้าวเป็นเป้าหมายหลักในการดำเนินการตรวจเยี่ยมเชิงป้องกันอันเป็นการเฝ้าระวังการละเมิดสิทธิมนุษยชน

            ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์และข้อท้าทายในการคุ้มครองสิทธิผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงกลุ่มอื่น ๆ อาทิ กลุ่มชาวอุยกูร์ที่ยังถูกควบคุมตัวในประเทศไทย กลุ่มชาวเวียดนาม และผู้แสวงหาที่พักพิงจากประเทศต่าง ๆ ที่เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างกัน และเห็นควรมีการหารือกันในลักษณะนี้อีกเป็นระยะ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล สถานการณ์ และวิถีทางในการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงให้ยั่งยืนต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน