กสม. สุภัทรา ร่วมการประชุมนโยบายระดับโลกปี 2025 ว่าด้วยความรุนแรงทางเพศที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี

01/12/2568 19

                เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 น. ที่โรงแรมแมริออท คอร์ทยาด นางสาวสุภัทรา  นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ H.E. Mr. Yongmin Park เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ร่วมกันกล่าวต้อนรับในการประชุมนโยบายระดับโลกปี 2025 ว่าด้วยความรุนแรงทางเพศที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี (Technology-Facilitated Gender – Based Violence: TFGBV) จากภัยคุกคามสู่การเปลี่ยนแปลง: การเผชิญหน้ากับ TFGBV และเสริมสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์เพื่อส่งเสริมธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและการพัฒนามนุษย์ จัดโดย โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลี (KNPA) มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันส่งเสริมแนวทางการแก้ไขปัญหา TFGBV ที่ยึดผู้เสียหายจากความรุนแรงเป็นศูนย์กลางและขับเคลื่อนผ่านความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ

                กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวในการประชุมดังกล่าวถึงบทบาทของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ประเด็น TFGBV คือ 1) บทบาทการเฝ้าระวังสถานการณ์สิทธิมนุษยชน โดยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 สภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งกำหนดคำนิยามการข่มขืนและการกระทำชำเรา การคุกคามทางเพศ และให้ครอบคลุมการกระทำต่อหน้าและออนไลน์ ให้สิทธิผู้เสียหายร้องต่อศาลสั่งลบข้อมูลที่ถูกอนาจารได้โดยตรง และลดผลกระทบความเสียหายในวงกว้าง ซึ่งส่วนหนึ่งจากการที่ กสม. ได้มีข้อเสนอแนะต่อการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าว

                2) บทบาทการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กสม.รับเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนจากประชาชนและองค์กร โดยสถิติเรื่องร้องเรียนประมาณ 1,000 เรื่องต่อปี รวมถึงเรื่อง TFGBV โดย กสม. ได้ประสานการช่วยเหลือในกรณีเร่งด่วนเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชน เช่น การให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลบภาพการเผยแพร่คลิปเด็กเปลือยที่ถูกเผยแพร่ออนไลน์ และมีผลการตรวจสอบที่สำคัญ เช่น กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยแพร่ภาพจับกุมกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศแต่งกายไม่มิดชิดและถูกใส่เครื่องพันธนาการทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีข้อเสนอแนะต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้กำหนดมาตรการป้องกันและลงโทษผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลจากการปฏิบัติหน้าที่ และกรณีหน่วยงานรัฐใช้เทคโนโลยีสอดแนม (spyware) เพคาซัส  สอดแนมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ซึ่ง กสม. ได้มีข้อเสนอแนะไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อสั่งการให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการหรือกลไกที่เป็นอิสระและโปร่งใสตรวจสอบเทคโนโลยีสอดแนมที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ

                3) บทบาทการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน กสม. ได้กำหนดประเด็นสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวโยงกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้และพัฒนา AI ให้สอดคล้องกับสิทธิมนุษยชน เช่น การกำกับดูแล การส่งเสริมการใช้อย่างมีธรรมาภิบาล สร้างความรู้ทักษะในการใช้ AI อย่างสร้างสรรค์โดยไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ร่วมถึงส่งเสริมพัฒนาระบบแพลตฟอร์ม AI ที่มีความรับผิดชอบ

                ทั้งนี้ ได้ผลักดันประเด็นธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ให้เป็นมาตรฐานสำคัญของการประกอบธุรกิจที่ยั่งยืน รวมถึงเกณฑ์การประเมินเพื่อการรับรองและสนับสนุนภาครัฐ การริเริ่มกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมภาคธุรกิจเอกชน โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ให้คำนึงถึงประเด็นดังกล่าว และยังได้ฝึกอบรมนักปกป้องสิทธิมนุษยชนให้มีความรู้เพื่อปกป้องตนเองจากการถูกละเมิดและการคุกคามทั้งทางกายภาพและทางออนไลน์ รวมทั้งกลไกในการเข้าถึงการคุ้มครองต่าง ๆ

                นอกจากนี้ ได้กล่าวถึงการจัดการและแก้ไข TFGBV เพื่อให้บรรลุเป้าหมายส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ ประกอบด้วย 1) การพัฒนากรอบกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยกฎหมายต้องมีความละเอียดอ่อนทางเพศและคำนึงถึงความเปราะบางของผู้ถูกกระทำความรุนแรงเป็นศูนย์กลางในทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม 2) ส่งเสริมความรับผิดชอบของรัฐและภาคเอกชน โดยติดตาม ตรวจสอบ และรายงานกรณีการใช้เทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการสอดแนมออนไลน์ การคุกคามออนไลน์ ที่มีเป้าหมายเพื่อลิดรอนสิทธิของประชาชน นอกจากนี้ภาคธุรกิจเอกชนโดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีควรเพิ่มความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการจัดการเนื้อหาที่มีลักษณะรุนแรงทางเพศบนแพลตฟอร์ม รวมถึงการตั้งกลไกรับเรื่องร้องเรียนที่เข้าถึงง่ายและปลอดภัย 3) ด้านการคุ้มครองและเยียวยาผู้เสียหายจาก TFGBV อย่างรอบด้าน เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยชน ทั้งด้านกฎหมาย การเยียวยาทางจิตใจ และมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการละเมิดซ้ำ และ4) สร้างองค์ความรู้ในทุกระดับ ทั้งประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐและผู้บังคับใช้กฎหมาย และภาคธุรกิจเอกชน เพื่อให้มีความเข้าใจในประเด็นเทคโนโลยีและสิทธิมนุษยชน และร่วมเป็นพลังในการป้องกันและแก้ไขปัญหา TFGBV และใช้เทคโนโลยีเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

เลื่อนขึ้นด้านบน