กสม. ปิติกาญจน์ หารือสภาทนายความฯ เดินหน้าความร่วมมือยกระดับกลไกช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ตามข้อมติสมัชชาสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิในกระบวนการยุติธรรม

14/11/2568 52

          เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.30 น. ที่สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร นางสาวปิติกาญจน์  สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายโกเมศ  สุบงกช ผู้ตรวจราชการ นางสาวทิพย์ธีรา  รัมมณีย์ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย และเจ้าหน้าที่สำนักกฎหมาย สำนักงาน กสม. เข้าหารือกับสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย รองรับการขับเคลื่อนข้อมติสมัชชาสิทธิมนุษยชนว่าด้วยการส่งเสริม “Access to Justice for All”

          ในการนี้ ดร.ธนพล  คงเจี้ยง นายกสภาทนายความ พร้อมด้วยนายสมศักดิ์  อัจจิกุล เลขาธิการสภาทนายความ นายสรัลชา  ศรีชลวัฒนา อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย นายวิชาญ  ทองรัก อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ นายณรงค์รัฐ  ภูติรถยา อุปนายกฝ่ายบริหาร ดร.ธีระวุฒิ  วชิรมโนวาทย์ กรรมการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย และคณะทำงาน ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมนำเสนอนโยบาย แนวทาง และการดำเนินงานเพื่อยกระดับการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เช่น การจัดทนายความให้คำปรึกษาในชั้นสอบสวน การจัดทนายความประจำที่ศาล และการเผยแพร่ให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน ทั้งนี้ การช่วยเหลือทางคดีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 2 ประการ คือ ผู้ขอรับความช่วยเหลือต้องเป็นผู้ยากไร้และไม่ได้รับความเป็นธรรม นอกจากนี้ สภาทนายความยังได้สะท้อนข้อท้าทายในการดำเนินงาน โดยเฉพาะข้อจำกัดด้านงบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อประสิทธิภาพการอำนวยความยุติธรรม

          กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้นำเสนอภาพรวมปัญหาและข้อท้าทายด้านสิทธิในกระบวนการยุติธรรมที่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) พบจากการรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน อาทิ ผลกระทบจากระบบกล่าวหา ซึ่งทำให้ผู้ต้องหาต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ปัญหาการไม่ได้รับประกันตัวที่กระทบต่อสิทธิในการต่อสู้คดีอย่างเท่าเทียม ความไม่เชื่อมโยงของกลไกช่วยเหลือทางกฎหมายของรัฐ รวมถึงข้อจำกัดของกองทุนยุติธรรมที่ยังไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์การจัดตั้ง ตลอดจนปัญหาขาดแคลนพื้นที่ปรึกษาทนายความอย่างเป็นส่วนตัวในเรือนจำและทัณฑสถาน ซึ่งกระทบต่อสิทธิของผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี

          การหารือครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือระหว่าง กสม. และสภาทนายความฯ ในการผลักดันให้ประชาชนเข้าถึงทนายความและได้รับคำปรึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนสนับสนุนการจัดให้มีห้องพบและปรึกษาทนายความในเรือนจำและทัณฑสถาน รวมถึงส่งเสริมบทบาททนายความในงานบริการสังคมรูปแบบ Pro Bono

          ทั้งนี้ สำนักงาน กสม. จะรวบรวมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากการหารือเพื่อประกอบการจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเสนอต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามอำนาจหน้าที่ เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเชิงระบบให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมอย่างสะดวก รวดเร็ว และไม่เสียค่าใช้จ่ายเกินสมควร ตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม

เลื่อนขึ้นด้านบน