เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม 5 ชั้น 5 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุชาติ  เศรษฐมาลินี และนางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายภาณุพันธ์  สมสกุล ที่ปรึกษาสำนักงาน กสม. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคเหนือ ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากตำบลท่าตอนและตำบลแม่นาวาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนจากวิกฤตการณ์การปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำกก ซึ่งมีต้นตอจากประเทศเพื่อนบ้านแต่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงและเป็นวงกว้างต่อประชาชน ชุมชน และระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนของประเทศไทย

          ที่ประชุมได้นำเสนอการดำเนินการและร่วมแลกเปลี่ยนปัญหา อุปสรรคในการดำเนินการที่ผ่านมา รวมถึงข้อเสนอและแนวทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เป็นไปได้ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค การเยียวยาความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น การสื่อสารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและการทำงานเชิงรุกแบบบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

          ในการนี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีข้อเสนอต่อสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) เร่งรัดขั้นตอนการอนุญาตเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถขุดเจาะบ่อบาดาลในพื้นที่ป่าไม้ได้โดยเร็ว ส่วนการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบไม่สามารถใช้กลไกช่วยเหลือด้านภัยพิบัติปกติได้ จึงจะรายงานข้อมูลเสนอให้หน่วยงานรับไปพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือให้ครบถ้วนครอบคลุม

          นอกจากนี้ ยังเสนอให้พัฒนาช่องทางการสื่อสารและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวอย่างทันท่วงที ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานวิชาการ ภาคประชาสังคม และผู้นำชุมชน ให้เข้าถึงง่ายและสร้างความไว้วางใจ ลดการใช้ศัพท์เทคนิคที่ไม่จำเป็น และให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงระยะยาวอย่างโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนสามารถตัดสินใจบนฐานข้อมูลที่ถูกต้อง

          ที่ผ่านมา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เคยมีข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนของสารพิษในแม่น้ำกก และคณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน ทั้งนี้ กสม. จะนำประเด็นข้อกังวลเพื่อประกอบการเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเชิงนโยบายต่อไป