เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายไพโรจน์  พลเพชร และนางสาวมณีรัตน์  มิตรปราสาท ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิ และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (สำนักงาน กสม.) ลงพื้นที่เพื่อประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนกรณีได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาระบุว่า ได้รับผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การประกอบอาชีพ และที่อยู่อาศัยจากการที่พื้นที่บริเวณทุ่งแก้มลิงบางบาล บ้านแพน ผักไห่ และเจ้าเจ็ด ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์หน่วงน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมในเขตเมืองหลวงและพื้นที่เศรษฐกิจ แต่การบริหารจัดการน้ำดังกล่าวทำให้เกิดน้ำท่วมขังที่ปนเปื้อนมลพิษเป็นเวลานาน รวมถึงไม่ได้รับค่าทดแทนที่เป็นธรรม

          กิจกรรมในช่วงเช้า ที่วัดโคกหิรัญ หมู่ที่ 2 ตำบลบางชะนี อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะ ลงพื้นที่รับฟังข้อมูลและความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ทุ่งแก้มลิงต่อสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน ทั้งมุมมองต่อการอาศัยในพื้นที่ทุ่มรับน้ำ การเปรียบเทียบผลกระทบที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและในอดีต การปรับตัว การป้องกันความเสียหาย และความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ ในการนี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะ ได้ลงพื้นที่สำรวจชุมชนใกล้แม่น้ำที่ประสบภัยน้ำท่วมสูงราว 1 – 2 เมตรมาเป็นระยะเวลานานหลายเดือนด้วย

          ช่วงบ่าย ที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะ ประชุมร่วมกับผู้แทนหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำในจังหวัด โดยมีผู้แทนประชาชนได้รับผลกระทบ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ. พระนครศรีอยุธยา เขต 1 เข้าร่วมประชุมด้วย ในการนี้ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและหารือถึงการบริหารจัดการน้ำท่วมในพื้นที่ทุ่งแก้มลิง กระบวนการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของชาวบ้านที่อาจได้รับผลกระทบ ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหา ให้ความช่วยเหลือ เยียวยา เพื่อลดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและที่อยู่อาศัยของชาวบ้านในพื้นที่

          ทั้งนี้ สำนักงาน กสม. จะรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง และข้อคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ประกอบการจัดทำข้อเสนอแนะในการบริหารจัดการน้ำที่เป็นธรรมสำหรับประชาชนในพื้นที่ทุ่งรับน้ำเสนอคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป