กสม. ศยามล ร่วมรายการฟังเสียงประเทศไทย ประเด็น หนักเกินจะแบก เสียงจากพื้นที่แบกน้ำ

16/10/2568 64

          เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ บันทึกเทปรายการฟังเสียงประเทศไทย ประเด็น “หนักเกินจะแบก เสียงจากพื้นที่แบกน้ำ” ร่วมกับ นายปุ้ย แสงนาค ชาวบ้านอำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวิบูลย์  ตั้งเกษมวิบูลย์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางระกำเมืองใหม่ จังหวัดพิษณุโลก นายทวิวงศ์  โตทวิวงศ์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคประชาชน นายศศิน  เฉลิมลาภ นักธรณีวิทยาและนักวิชาการอิสระด้านการจัดการน้ำ ดร.ธเนศร์  สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน และนายไพฑูรย์  เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ดำเนินรายการโดย นางสาววิภาพร  วัฒนวิทย์   

          นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางระกำเมืองใหม่ กล่าวว่าทุ่งรับน้ำบางระกำ เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำในจังหวัดพิษณุโลกและสุโขทัยที่ถูกจัดทำเป็น “บางระกำโมเดล” เพื่อใช้เป็นพื้นที่รับและหน่วงน้ำหลากจากแม่น้ำยม เพื่อลดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยการปรับปฏิทินการปลูกข้าวนาปี ให้สามารถเก็บเกี่ยวได้ก่อนฤดูน้ำหลาก และใช้พื้นที่ทุ่งหลังการเก็บเกี่ยวเป็นแก้มลิงตามธรรมชาติ โดยพบว่าการบริหารจัดการน้ำของบางระกำโมเดลเป็นการดำเนินการของภาครัฐฝ่ายเดียวซึ่งชาวบ้านไม่ได้มีส่วนร่วมคิดร่วมทำมาตั้งแต่ต้น แต่เป็นผู้รับผลจากการกระทำดังกล่าว ดังนั้น เพื่อสิทธิในความเป็นอยู่ที่ดีรัฐควรต้องให้ความช่วยเหลือชาวบางระกำในทันทีที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการบางระกำโมเดล แต่ผ่านมาแล้วถึง 8 ปี ชาวบางระกำยังไม่ได้รับเยียวยาใด ๆ

          ชาวบ้านอำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวถึงทุ่งรับน้ำบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยาว่า เป็นพื้นที่รับน้ำจากตอนบน เพื่อไม่ให้ปริมาณมวลน้ำมหาศาลไหลเข้ากรุงเทพฯ ระบบการระบายน้ำและการเปิด - ปิดประตูน้ำไม่สอดประสาน ส่งผลให้บางพื้นที่ท่วมหนักเกินจำเป็น ชาวบ้านมองว่าเป็นผลจากการจัดการมากกว่าธรรมชาติ การช่วยเหลือจากรัฐยังล่าช้า ไม่ครอบคลุม และไม่สะท้อนความเสียหายจริง

          พิธีกรดำเนินรายการกล่าวโดยสรุปว่า การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ทุ่งรับน้ำทั้งสองแห่งจึงเป็นประเด็นของการบริหารจัดการน้ำที่ต้องเป็นธรรม

          กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้ความเห็นว่ามีตัวแปรหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการน้ำที่ไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน การบริหารจัดการภาครัฐที่ไม่บูรณาการข้อมูลและการทำงาน การติดขัดด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติ จึงเห็นได้ว่าการบริหารจัดการน้ำโดยรัฐเพียงฝ่ายเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านได้ทันท่วงที รัฐบาลจำเป็นต้องฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ทุ่งรับน้ำเป็นสำคัญในการวางแผนการบริหารจัดการน้ำ ภาคการเมืองต้องมีเจตจำนงแน่วแน่ในการแก้ปัญหาพื้นที่ทุ่งรับน้ำ โดยหนุนเสริมอำนวยความสะดวกด้านกฎหมายและระเบียบให้ภาคราชการดำเนินงานอย่างคล่องตัว และมีเจตนารมณ์ช่วยเหลือชาวบ้านอย่างจริงใจโดยเฉพาะการเยียวยาความเดือดร้อน จึงขอเสนอให้ใช้ข้อมูลแผนที่ภาษีในการพิจารณาจ่ายค่าชดเชยโดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมดำเนินการ และความเป็นธรรมในการบริหารจัดการน้ำของบางระกำและบางบาลขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยของแต่ละพื้นที่ ซึ่งดำเนินการจัดการอย่างสมเหตุสมผลทั้งทางวิชาการและภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยปราศจากอิทธิพลใด ๆ ครอบงำ

เลื่อนขึ้นด้านบน