กสม. ศยามล ร่วมรายการนักข่าวพลเมือง Thai PBS : หลาบม้ายยยย ! ปลาหมอคางดำยังอยู่

30/09/2568 69

          เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 เวลา 18.10 น. นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมพูดคุยในรายการนักข่าวพลเมือง Thai PBS ผ่านทางออนไลน์ ประเด็น สถานการณ์ปลาหมอคางดำ พื้นที่การจัดการ แนวทางการควบคุมและลดผลกระทบการแพร่ระบาดของสัตว์ต่างถิ่นที่รุกรานในระดับพื้นที่ โดยมีผู้ร่วมพูดคุย ได้แก่ ดร.ชวลิต วิทยานนท์ นักวิชาการด้านความหลากหลายทางชีวภาพ นายปัญญา โตกทอง คณะกรรมการลุ่มแม่น้ำเพชรบุรี นายวิฑูรย์  เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการ Bio Thai นายณัฐชา  บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคประชาชน นายมงคล  มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมประมงจังหวัดสมุทรสาคร และตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบ ชวนคุยโดย นางสาววิภาพร  วัฒนวิทย์ ผู้ประกาศข่าวไทยพีบีเอส

          กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติให้ความเห็นว่า ในปี พ.ศ. 2567 - 2568 ที่ผ่านมาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ติดตามการจัดการปลาหมอคางดำทั้งที่ภาครัฐดำเนินการ และชุมชนดิ้นรนจัดการตนเอง พบว่า จังหวัดจันทบุรีมีการใช้งบประมาณโครงการพระราชดำริอ่าวคุ้งกระเบนดำเนินการปล่อยปลากะพงขาวและปลาอื่น ๆ เป็นปลานักล่าในพื้นที่ ใช้ปลาหมอคางดำเป็นเหยื่อในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอื่น และใช้วิธีการตัดวงจรการแพร่พันธุ์ด้วยการผลิตปลาหมอคางดำ 4n ซึ่งเป็นหมัน เพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศและเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในอ่าว จังหวัดสงขลา อำเภอระโนด ประมงจังหวัดรณรงค์ล่าปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำสาธารณะ ปล่อยปลานักล่าพื้นถิ่น นำปลาหมอคางดำไปผลิตเป็นอาหารเม็ดสำหรับเลี้ยงปลากะพง นำไปทำน้ำหมักชีวภาพเป็นปุ๋ย จังหวัดนครศรีธรรมราช อำเภอปากพนัง ชาวประมงพื้นบ้านจับปลาหมอคางดำขายสร้างรายได้ เจ้าของบ่อทำนากุ้งในระบบปิดโดยทำความสะอาดบ่อ ตรวจสอบน้ำก่อนเข้าบ่อและใช้กากชากำจัดปลาหมอคางดำ ทางด้านนักวิชาการ ดร.สืบพงศ์ สงวนศิลป์ นักชีววิทยา และอาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ศึกษาวิจัยต่อเนื่องเกี่ยวกับพันธุ์ปลาต่างถิ่นในโครงการชลประทานน้ำเค็มเพื่อการเลี้ยงกุ้งทะเลบ้านท่ากรวด อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีข้อเสนอแนะให้ตัดวงจรการสืบพันธุ์ โดยการใช้แหที่มีรูตาข่ายเหมาะสมกับขนาดของปลาหมอคางดำวัยเจริญพันธุ์และที่มีขนาดเล็กกว่า เพื่อตัดวงจรการสืบพันธุ์อย่างได้ผล

          ทั้งนี้ กลไกการทำงานระดับจังหวัดต้องมีตัวแทนเกษตรกรร่วมคิดร่วมทำ เพราะแต่ละพื้นที่อาจมีการจัดการกับปลาหมอคางดำที่แตกต่างกันไป การใช้จ่ายงบประมาณเพื่อกำจัดปลาหมอคางดำควรสื่อสารให้เข้าใจตรงกันภายในหน่วยเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐใช้จ่ายให้ตรงวัตถุประสงค์ และแก้ไขอุปสรรคการเบิกจ่ายให้รวดเร็ว รวมทั้งควรสื่อสารกับประชาชนเกี่ยวกับการตีความการชุกชุมการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ซึ่งความชุกชุมนี้เป็นเกณฑ์ในการจัดสรรงบประมาณการรับซื้อปลาหมอคางดำของรัฐ โดยกรมประมงกำหนดความชุกชุมที่ 100 ตัว ต่อ 100 ตารางเมตร

          ทุกฝ่ายได้ข้อสรุปตรงกันว่า จำเป็นต้องกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำสาธารณะให้เร็วที่สุดและดำเนินการพร้อมกันเพื่อให้หมดสิ้นไปในคราวเดียวกัน ซึ่งชาวประมงแสมดำในกรุงเทพมหานครเสนอตัวลงแขกจับปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำสาธารณะ โดยขอให้รัฐรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 15 บาท และสนับสนุนงบประมาณ วิชาการ การบริหารจัดการเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์น้ำในระบบปิดให้แก่ชาวประมง ที่สำคัญควรวางแผนการจัดการและการใช้งบประมาณกำจัดปลาหมอคางดำจากระดับพื้นที่ตั้งแต่เครือข่ายเกษตรกรจังหวัด ขึ้นไปสู่ระดับนโยบาย เพื่อให้ปลาหมอคางดำหมดสิ้นไป

เลื่อนขึ้นด้านบน