กสม. จัดการเสวนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการ “AI เกี่ยวอย่างไรกับสิทธิมนุษยชน?” จังหวัดสงขลา

23/09/2568 64

          เมื่อวันที่ 18 - 19 กันยายน 2568 ณ โรงแรมLaguna Grand Hotel & Spa จังหวัดสงขลา นายวสันต์  ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. จัดการเสวนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการ “AI เกี่ยวอย่างไรกับสิทธิมนุษยชน?” เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ ต่อสถานการณ์การพัฒนาและการใช้ AI ผลกระทบของ AI ต่อสิทธิมนุษยชน การรับรู้ของสาธารณชนต่อความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดจาก AI ตลอดจนแนวทางเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนจากการใช้และพัฒนา AI ในบริบทของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้

          ในวันที่ 18 กันยายน 2568 สำนักงาน กสม. ได้รับเกียรติจากนายวรนล  ฐิตินันทกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทูเบอร์ จำกัด (Tuber Co., Ltd.) และกรรมการสภาเศรษฐกิจหาดใหญ่ นายว่องวิช  ขวัญพัทลุง รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นายมะรูฟ  เจะบือราเฮง ประธานมูลนิธิดิจิทัลเพื่อสันติภาพ และนายหัตถพงษ์  หิรัญรัตน์ เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนากฎหมาย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ. หรือ ETDA) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมเป็นวิทยากรในการเสวนาประเด็น “ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับสิทธิมนุษยชน” โดยวิทยากรได้ร่วมเสวนาในประเด็นสถานการณ์ โอกาสและความท้าทายในการพัฒนาและการใช้ AI ในประเทศไทย กรอบและการพัฒนากฎหมาย นโยบายและมาตรการกำกับดูแลการใช้และการพัฒนา AI ของประเทศไทย การรับรู้ถึงผลกระทบของ AI ต่อสิทธิมนุษยชนในชีวิตประจำวันและในสถานการณ์ต่าง ๆ ทิศทางของ AI และผลกระทบของ AI ในระดับโลก โอกาสและความท้าทายจากการใช้และการพัฒนา AI ในจังหวัดสงขลาและพื้นที่ภาคใต้ตลอดจนแนวทางในการรับมือจากโอกาสและความท้าทายดังกล่าว

          ทั้งนี้ การเสวนาดังกล่าว ได้มีการสำรวจความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมการประชุมต่อการรับรู้ถึงผลกระทบของ AI ต่อสิทธิมนุษยชน โดยผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ทราบถึงประโยชน์ของ AI ในมิติต่าง ๆ รวมถึงการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงออกและการเข้าถึงข้อมูล และการมีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะ ในขณะเดียวกัน ผู้เข้าร่วมก็ยังตระหนักถึงผลกระทบด้านลบของ AI ต่อสิทธิมนุษยชน โดยเห็นว่า AI อาจมีผลกระทบต่อสิทธิในความเป็นส่วนตัวมากที่สุด รองลงมาเป็นสิทธิในชีวิตและความปลอดภัย อันดับสุดท้ายคือ เสรีภาพในการแสดงออกและการเข้าถึงข้อมูล จากนั้น ที่ประชุมได้อภิปรายถึงข้อเสนอแนะต่อมาตรการหรือวิธีการกำกับดูแล AI โดยส่วนใหญ่มีความเห็นว่า AI ช่วยส่งเสริมสิทธิมนุษยชนมากกว่าสร้างผลกระทบเชิงลบ แต่ควรมีการบังคับใช้หรือสร้างมาตรฐานการใช้ AI ให้เป็นไปอย่างเหมาะสม ตามความจำเป็น และควรประกันการมีส่วนร่วมในการร่วมพัฒนากฎหมายของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

          ต่อมา ในวันที่ 19 กันยายน 2568 สำนักงาน กสม. ได้หารือร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานความมั่นคงต่าง ๆ ในพื้นที่ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมการหารือได้สะท้อนถึงสถานการณ์การใช้ AI ในบริบทพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประโยชน์ของ AI ในมิติความมั่นคงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นหากใช้งานโดยปราศจากความระมัดระวังหรือความเข้าใจ

          การเสวนาทั้งสองวันนี้ เป็นการรับฟังความคิดเห็นในประเด็น “สิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวโยงกับปัญญาประดิษฐ์ (AI)” ในระดับภูมิภาคครั้งที่สาม หลังจากที่สำนักงาน กสม. ได้จัดการเสวนาในลักษณะดังกล่าวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือเมื่อเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา โดย สำนักงาน กสม. จะจัดการเสวนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการในลักษณะดังกล่าวอีกครั้งหนึ่งในกรุงเทพฯ ช่วงปลายเดือนกันยายน 2568 เพื่อรวบรวมข้อมูลและข้อคิดเห็นจากทุกภาคส่วนทั่วประเทศเพื่อนำข้อมูลมาสังเคราะห์และจัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายก่อนนำเสนอใน “สมัชชาสิทธิมนุษยชน” ซึ่งกำหนดจัดในเดือนธันวาคม 2568 ต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน