กสม. จัดการเสวนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการ “AI เกี่ยวอย่างไรกับสิทธิมนุษยชน?” จังหวัดเชียงใหม่

02/09/2568 162

          เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ที่โรงแรมรติล้านนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุชาติ  เศรษฐมาลินี นายวสันต์  ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนางสาวหรรษา  หอมหวล เลขาธิการ กสม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. จัดการเสวนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการ “AI เกี่ยวอย่างไรกับสิทธิมนุษยชน?” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ ต่อสถานการณ์การพัฒนาและการใช้ AI ผลกระทบของ AI ต่อสิทธิมนุษยชน รวมถึงการรับรู้ของสาธารณชนต่อความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดจาก AI ตลอดจนแนวทางเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนจากการใช้และพัฒนา AI ในบริบทของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และเป็นส่วนหนึ่งสำหรับการจัดงานสมัชชาสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568 ประเด็น “สิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวโยงกับปัญญาประดิษฐ์ (AI)”

          สำนักงาน กสม. ได้รับเกียรติจากนายอาคม  สุวรรณกันทา รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ดร. จุฑา  ธาราไชย ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาพื้นที่และชุมชน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และนายหัตถพงษ์  หิรัญรัตน์ เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนากฎหมาย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ. หรือ ETDA) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมเป็นวิทยากรในการเสวนาประเด็น “ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับสิทธิมนุษยชน” โดยวิทยากรได้ร่วมเสวนาในประเด็นสถานการณ์ โอกาสและความท้าทายในการพัฒนาและการใช้ AI ในประเทศไทย กรอบและการพัฒนากฎหมาย นโยบายและมาตรการกำกับดูแลการใช้และการพัฒนา AI ของประเทศไทย การรับรู้ถึงผลกระทบของ AI ต่อสิทธิมนุษยชนในชีวิตประจำวันและในสถานการณ์ต่าง ๆ ทิศทางของ AI และผลกระทบของ AI ในระดับโลก และโอกาสและความท้าทายจากการใช้และการพัฒนา AI ในจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ภาคเหนือ ตลอดจนแนวทางในการรับมือจากโอกาสและความท้าทายดังกล่าว

          ในการเสวนาดังกล่าว ได้มีการสำรวจความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมการประชุมต่อการรับรู้ถึงผลกระทบของ AI ต่อสิทธิมนุษยชน โดยผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ทราบถึงประโยชน์ของ AI ในมิติต่าง ๆ รวมถึงการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน แต่ผู้เข้าร่วมก็ยังตระหนักถึงผลกระทบของ AI ต่อสิทธิมนุษยชน โดยเห็นว่ากระทบต่อสิทธิในความเป็นส่วนตัวมากที่สุด รองลงมาเป็นสิทธิในชีวิตและความปลอดภัย อันดับสุดท้ายคือ เสรีภาพในการแสดงออกและการเข้าถึงข้อมูล จากนั้น ที่ประชุมได้อภิปรายถึงการรับรู้และมุมมองด้านผลกระทบของ AI ต่อสิทธิมนุษยชน และข้อเสนอแนะต่อมาตรการหรือวิธีการกำกับดูแล AI โดยผู้เข้าร่วมเสวนาได้สะท้อนถึงความกังวลในการเข้ามาของ AI อาทิ การแย่งงานโดยเฉพาะในกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด สัดส่วนที่เหมาะสมในการใช้ AI และความคิดมนุษย์ในการสร้างสรรค์งานต่าง ๆ ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยี ภาวะพึ่งพา AI มากเกินไปทั้งในมิติด้านการศึกษา ความสัมพันธ์และการทำงาน ความสัมพันธ์ทางสังคมเปลี่ยนไปเนื่องจากมนุษย์ปฏิสัมพันธ์กันน้อยลง การนำเข้าข้อมูลที่เป็นเท็จเพิ่มขึ้น การแพร่กระจายของ fake news เพิ่มขึ้น และเด็กสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น

          การเสวนาครั้งนี้ เป็นการรับฟังความคิดเห็นในประเด็น “สิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวโยงกับปัญญาประดิษฐ์ (AI)” ในระดับภูมิภาคครั้งที่สอง หลังจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 ทั้งนี้ สำนักงาน กสม. จะจัดการเสวนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการในลักษณะดังกล่าวหนึ่งอีกครั้งในภาคใต้ ในเดือนกันยายน 2568 เพื่อรวบรวมข้อมูลและข้อคิดเห็นจากทุกภาคส่วนทั่วประเทศเพื่อนำข้อมูลมาสังเคราะห์และจัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายก่อนนำเสนอสู่ “สมัชชาสิทธิมนุษยชน” ซึ่งกำหนดจัดในเดือนธันวาคม 2568 ต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน