กสม. ศยามล ร่วมงานสัมมนาเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับการสร้างความสามัคคีปรองดองสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

31/08/2568 101

          เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายจุมพล  ขุนอ่อน รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมงานสัมมนาเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับการสร้างความสามัคคีปรองดองสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน จัดโดย สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) ณ ห้องกรุงธน ชั้น 3 โรงแรมรอยัลริเวอร์ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร

          การสัมมนาดังกล่าว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ร่วมอภิปรายหัวข้อ “แนวคิด ข้อเสนอการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2548” ร่วมกับ รองศาสตราจารย์ ดร.การุญ จันทรางศุ กรรมการบริหาร BTS Group Holdings รองศาสตราจารย์ ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง ประธานคณะอนุกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน (วุฒิสภา) นายพริษฐ์  วัชรสินธุ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน (สภาผู้แทนราษฎร) นายวีระศักดิ์  โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและประธานสภาลมหายใจกรุงเทพมหานคร นายสุรชัย  ตรงงาม เลขาธิการและทนายความ มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW) โดยมี ดร.ศุภฤกษ์  ภู่พงศ์ศักดิ์ รองอำนวยการสำนักงาน ป.ย.ป เป็นผู้ดำเนินรายการ

          กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับสิทธิชุมชนกับการมีส่วนร่วมและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เป็นจำนวนที่รองลงมาจากเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา นโยบายการพัฒนา และการลงทุนในโครงการพัฒนาของรัฐและเอกชน ส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญกับเสียงของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง อาทิ กลุ่มชาติพันธุ์ คนจนและชาวประมงขนาดเล็ก ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจึงร้องเรียนมาที่ กสม

          โดย กสม. จะนำหลักการของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง ( ICCPR ) และความเห็นทั่วไป (General Comments ที่ว่าด้วยเรื่องการมีข้อมูลเพียงพอ ประชาชนเข้าถึงข้อมูลสาธารณะที่จำเป็นต่อการประกอบการตัดสินใจ มีเวลาเพียงพอในการตัดสินใจ มีช่องทางการแสดงความคิดเห็นจากหน่วยงานของรัฐที่มิใช่เพียงทำตามให้ครบขั้นตอนตามกฎหมาย การไม่เลือกปฎิบัติ โดยเฉพาะข้อมูลจากกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่ถูกรับฟัง รวมทั้ง หลักการธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UNGPs) กรณีเป็นโครงการของเอกชน ซึ่งต้องมีหน้าที่ในการรับฟังเรื่องร้องเรียน และการเยียวยาความเสียหาย ทั้งนี้ภาครัฐจึงต้องให้ความจริงจังและจริงใจในการให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง

          ท้ายนี้ กสม. เห็นว่า การดำเนินโครงการพัฒนาของหน่วยงานของรัฐ จะปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายอยู่แล้ว แต่การรับฟังเสียงของประชาชนยังไม่ครอบคลุมทุกกลุ่มและไม่รอบด้าน ทุกภาคส่วนควรปรับตัวและเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้สร้างการมีส่วนร่วมและสร้างความเข้าใจในการรับฟังเสียงประชาชนอย่างมีความหมาย เพื่อการพัฒนาที่จะไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลังต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน