เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่ โรงแรมเพิร์ล ภูเก็ต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต นายวสันต์  ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนางสรวงมณฑ์  สิทธิสมาน ที่ปรึกษาประจำ กสม. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. จัดประชุมขับเคลื่อนการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อคุ้มครองสิทธิเด็ก อันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิทางการศึกษา กรณีปิดศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวและการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานรัฐในจังหวัดภูเก็ต โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพังงา ภูเก็ต ระนอง ผู้แทนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต ผู้แทนสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต ผู้แทนบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนเทศบาลตำบลรัษฎา และผู้แทนภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง

          ในการประชุมดังกล่าว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้กล่าวถึงความเป็นมา ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เพื่อแก้ไขปัญหาศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวเชิงระบบ โดยคำนึงถึงมิติด้านต่าง ๆ ในระยะเร่งด่วนให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการ ดังนี้ 1) สร้างความเข้าใจกับหน่วยงานทางการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว และไม่ดำเนินมาตรการใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวในระหว่างดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว และ 2) เปิดโอกาสให้ผู้จัดการเรียนการสอนจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวไม่จำกัดเฉพาะเขตพื้นที่ชายแดน ส่วนระยะถัดไป ให้ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันให้ศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวมีสถานะถูกต้องตามกฎหมาย

          โดยที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ในจังหวัดภูเก็ต ความเห็น และข้อเสนอแนะ รวมถึงปัญหาอุปสรรค ข้อจำกัดต่าง ๆ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็กที่จะเข้าถึงสิทธิทางการศึกษาตามความต้องการที่แตกต่างกันของเด็กแต่ละกลุ่ม และเห็นว่า ควรเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และแจ้งให้หน่วยงานทางการศึกษาในพื้นที่ถือปฏิบัติต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุมสะท้อนปัญหาการขึ้นทะเบียนผู้ติดตามของแรงงานต่างด้าวที่ไม่ครอบคลุมผู้ติดตามทุกกลุ่มทำให้ยังมีเด็กที่ตกหล่นเป็นจำนวนมาก รวมถึงปัญหาการเข้าไม่ถึงระบบประกันสุขภาพ และแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของแรงงานต่างด้าว เป็นต้น

          ทั้งนี้ กสม. จะนำข้อมูล ความเห็น และข้อเสนอแนะ รวมถึงปัญหาที่ได้รับจากหน่วยงานของรัฐ และภาคประชาสังคมในพื้นที่ไปพิจารณาหารือร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการจดแจ้งจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าว และกฎเกณฑ์ว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อให้หน่วยงานทางการศึกษามีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน รวมถึงการกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเด็กกลุ่มนี้ต่อไป