กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกล่าวถึงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากภัยของช้างป่าสรุปว่า ต้องมองภาพรวมของปัญหาและการแก้ไขอย่างรอบด้าน หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันจัดการปัญหาอย่างมีเอกภาพ ในด้านการเยียวยาควรบูรณาการงบประมาณของรัฐจากหน่วยงานทุกระดับทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น โดยต้องลดขั้นตอนเบิกจ่ายเงินให้รวดเร็วและเป็นธรรม และต้องคำนึงถึงการเยียวทั้งด้านร่างกาย จิตใจ ทรัพย์สิน การขาดโอกาสในการมีรายได้ให้แก่ประชาชนที่ประสบภัยจากช้างป่า ทั้งนี้ เสนอให้มีการทำงานในรูปแบบของคณะกรรมการระดับจังหวัด ที่มีองค์ประกอบจากหน่วยงานส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนประชาชนที่ได้รับผลกระทบ องค์กรประชาสังคม และหรือนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานในการบริหารจัดการ

                   นางสาวศยามล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการบริหารจัดการปัญหาช้างป่า ควรมีการรวบรวมข้อมูลผลกระทบความเสียหาย และคำนึงถึงวิธีการจัดการบนความปลอดภัยของอาสาสมัครและประชาชนในการเฝ้าระวังช้างป่า รวมถึงการสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ในการเฝ้าระวังด้วย ทั้งนี้ อาจให้ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเป็นผู้ประสานงานการบูรณาการกลั่นกรองการใช้งบประมาณของทุกหน่วยงานอย่างคุ้มค่า เหมาะสมกับสถานการณ์ และไม่เกิดความซ้ำซ้อน และควรมีการถ่ายโอนภารกิจและงบประมาณไปที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งใกล้ชิดกับประชาชนในการบริหารจัดการภัยจากช้างป่า