กสม. ปรีดา เป็นวิทยากรงาน “มหกรรมวิถีพลังไท3พลังองค์กรชุมชน เปลี่ยนประเทศไทย”

06/08/2568 139

          เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 นางปรีดา  คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นวิทยากรหัวข้อ ประเทศไทยท่ามกลางวิกฤตการเปลี่ยนแปลง ในงาน“มหกรรมวิถีพลังไท3พลังองค์กรชุมชน เปลี่ยนประเทศไทย” ร่วมกับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รองศาสตราจารย์ ดร. เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต  ดร มานะ  นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ดร. จรรยา  กลัดล้อม ผู้แทนขบวนองค์กรชุมชน จัดโดย สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน)และภาคีความร่วมมือ ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารB)  ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ

          กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้กล่าวถึงความหมายของสิทธิมนุษยชน คือ สิทธิความเป็นมนุษย์อันเป็นสิทธิตามธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน ที่ไม่สามารถโอนให้แก่กันได้ และไม่มีบุคคล องค์กร หรือแม้แต่รัฐ พรากไปหรือสามารถล่วงละเมิดความเป็นมนุษย์นี้ได้ ไม่เลือกว่าจะมีเชื้อชาติศาสนาใด  จะเห็นได้ว่าปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนจากเดิมที่มีปัญหาการเข้าถึงสิทธิและการถูกละเมิดสิทธิ แต่จากการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ส่งผลให้ปัญหาสิทธิมนุษยชนมีแนวโน้มที่จะซับซ้อนและเพิ่มสูงขึ้น  จากการติดตามสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ประชาชนยังถูกละเมิดสิทธิรวมทั้งเข้าไม่ถึงสิทธิที่พึงมีพึงได้ในฐานะมนุษย์ อาทิ การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมทางอาญายังมีข้อจำกัดอีกมาก. ปัญหาการค้ามนุษย์และการหลอกลวงทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น. ปัญหาแรงงานมีรูปแบบที่หลากหลาย. เช่น แรงงานถูกหลอกไปเก็บเบอร์รีต่างประเทศ แรงงานแพลตฟอร์มยังไม่ได้รับความคุ้มครอง สิทธิในสุขภาพ ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน สิทธิในที่ดินทํากิน ประชาชนยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาที่ดินทับซ้อนกับที่ดินของรัฐและถูกดําเนินคดีกว่า 60,000 คดี

          สิทธิการมีส่วนร่วม ประชาชนยังเข้าไม่ถึงสิทธิในการมีส่วนร่วมต่อการดําเนินโครงการพัฒนาของภาครัฐ รวมทั้งมีปัญหาสิทธิที่เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI)  และการทุจริตที่กระทบกับสิทธิมนุษยชน โดยเป็นเรื่องที่ กสม. ใหัความสำคัญต่อความเห็นเรื่องทางออกจากภาวะวิกฤต คือการเสริมความเข้มแข็งขององค์กรชุมชน ซึ่งเป็นฐานรากที่สำคัญของประเทศ โดยชุมชนจะอยู่เดี่ยวๆไม่ได้ ต้องรวมกลุ่มกันเป็นเครือข่าย ยกตัวอย่างเช่น เครือข่ายสลัม 4 ภาค ที่มีการรวมตัวกันเป็นเครือข่ายมีการเสนอกับรัฐบาลให้แก้ปัญหาคนจนเมืองให้มีสิทธิอยู่อาศัยในเมืองได้อย่างมั่นคง หรือขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมมีกลไกร่วมในการแก้ปัญหากับทุกรัฐบาลมากกว่า 10 คณะ ดังนั้น หากมีปัญหาเครือข่ายองค์กรชุมชน ต้องรวมกลุ่มกันในการแก้ปัญหาและต้องใช้กลไกและกระบวนการทุกด้านในการแก้ปัญหา เช่น กสม. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นต้น

เลื่อนขึ้นด้านบน