กสม.ศยามล ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลและประชุมรับฟังข้อเท็จจริง กรณีการปรับปรุงฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล (แม่น้ำปิง) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชาวบ้านในพื้นที่ และการดำเนินการขาดการมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้อง

29/07/2568 163

           เมื่อวันที่ 24 – 25 กรกฎาคม 2568 นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายไพโรจน์  พลเพชร ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายภาณุพันธ์ สมสกุล ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิประจำ กสม. และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพื้นที่ภาคเหนือ (สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคเหนือ) ลงพื้นที่บริเวณลำน้ำแม่ปิง อำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและจัดประชุมร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง กรณีการปรับปรุงฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล (แม่น้ำปิง) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชาวบ้านในพื้นที่ และการดำเนินการขาดการมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมีรายละเอียด ดังนี้

           วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะ ลงพื้นที่ ณ ประตูระบายน้ำป่าแดด เพื่อตรวจสอบสภาพพื้นที่และรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นมา การทำงานของประตูเพื่อระบายน้ำของแม่น้ำปิงในพื้นที่ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ จากนายเกื้อกูล  มานะสัมพันสกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ และตรวจสอบสภาพพื้นที่ฝายท่าวังตาล ซึ่งอยู่ใกล้กับประตูระบายน้ำป่าแดด จากนั้นได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพแม่น้ำปิงบริเวณตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งเป็นจุดที่ลำน้ำแม่น้ำปิงมีขนาดความกว้างแคบที่สุดและคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุของน้ำท่วมในพื้นที่ และต่อด้วยตรวจสอบสภาพพื้นที่ฝายหนองผึ้ง และฝายพญาคำ รวมถึงรับฟังข้อมูลและข้อเสนอในประเด็นการขาดการมีส่วนร่วมของการดำเนินโครงการรื้อฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล (แม่น้ำปิง) จังหวัดเชียงใหม่ จากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึงและเพียงพอ และผลกระทบด้านต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหากมีการรื้อหรือปรับปรุงฝายฯ เช่น วิถีชีวิต ความเชื่อและภูมิปัญญาเกี่ยวกับฝาย ปริมาณน้ำที่จะส่งไปยังลำเหมืองสาขาต่าง ๆ ในพื้นที่ 8 ตำบลของอำเภอเมืองเชียงใหม่ และอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภออุโมงค์ จังหวัดลำพูน รวมพื้นที่ประมาณ 3 หมื่นกว่าไร่ โดยตัวแทนกลุ่มผู้ร้องได้เสนอให้ภาคส่วนต่าง ๆ เช่น ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ กลุ่มผู้ใช้น้ำ ประชาชนในพื้นที่ มีส่วนเข้าไปร่วมกับการดำเนินของโครงการ ทั้งในมิติการแสดงความเห็น การร่วมดำเนินการ และร่วมตรวจสอบการดำเนินการของโครงการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง

           วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ห้องประชุม 5 ชั้น 5 อาคารศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะ ร่วมประชุมรับฟังข้อมูลและข้อเสนอจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายศิวกร  บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานร่วมในการประชุมกับหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ ผู้แทนสำนักงานชลประทานที่ 1 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 1 สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 1 สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เทศบาลนครเชียงใหม่ เทศบาลตำบล ได้แก่ หนองหอย หนองผึ้ง ยางเนิ้ง สารภี ชมภู ท่าวังตาล ดอนแก้ว หนองแฝก ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการลุ่มน้ำปิง (รศ.ชูโชค อายุพงศ์ และ ผศ.ดร.วสันต์ จอมภักดี) และตัวแทนกลุ่มผู้ร้องซึ่งประกอบด้วยภาคประชาสังคม ภาควิชาการ และตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำจากลำเหมืองสาขาซึ่งผันน้ำมาจากฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล

           โดยหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นมาและความจำเป็นของการดำเนินโครงการรื้อฝายฯ เพื่อป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการรับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่เพื่อประกอบการดำเนินโครงการ แต่ตัวแทนกลุ่มผู้ร้องเห็นว่าการรับฟังความเห็นที่ผ่านมายังไม่เพียงพอและไม่ทั่วถึงจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการรื้อหรือปรับปรุงฝายอาจไม่ได้ช่วยให้ลดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่จะกระทบต่อประชาชนที่ใช้น้ำจากลำเหมืองสาขาพื้นที่กว่า 3 หมื่นไร่ ซึ่งต้องใช้ฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และฝายท่าวังตาล ในการผันน้ำไปยังลำเหมืองสาขาต่าง ๆ รวมถึงการรื้อหรือปรับปรุงฝายจะกระทบต่อวิถีชีวิต ความเชื่อแลภูมิปัญญาเกี่ยวกับฝายทั้งสาม เนื่องจากฝายทั้งสามถูกสร้างขึ้นมากว่า 700 ปี ตามแนวคิดและภูมิปัญญาล้านนาเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้น้ำของประชาชนในพื้นที่ โดยที่ประชุมได้มีมติรับข้อเสนอจากตัวแทนกลุ่มผู้ร้องโดยการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนภาคประชาสังคม ภาควิชาการ กลุ่มผู้ใช้น้ำ เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เช่น สาเหตุที่แท้จริงของน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และแนวทางการแก้ไขปัญหา การปรับปรุง/อนุรักษ์ฝายซึ่งเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต ความเชื่อ และประเพณีของชาวบ้านในพื้นที่ การปรับปรุงพัฒนาลำเหมืองสาขาเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด โดยพิจารณาทั้งในระยะเร่งด่วน และการแก้ไขปัญหาในระยะยาวร่วมกันต่อไป                         

           ทั้งนี้ สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคเหนือ จะรวบรวมข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายเพื่อประกอบการตรวจสอบและจัดทำร่างรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนเสนอคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน