กสม. จัดการเสวนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการ “AI เกี่ยวอย่างไรกับสิทธิมนุษยชน?” จังหวัดขอนแก่น

21/07/2568 158

           เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ที่โรงแรม กรีนโฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จังหวัดขอนแก่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุชาติ  เศรษฐมาลินี และนายวสันต์  ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. จัดการเสวนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการ “AI เกี่ยวอย่างไรกับสิทธิมนุษยชน?” ภายใต้โครงการรับฟังความคิดเห็นระดับภูมิภาค เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดงานสมัชชาสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568ประเด็นสิทธิในอนาคต “สิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวโยงกับปัญญาประดิษฐ์ (AI)” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ ต่อสถานการณ์การพัฒนาและการใช้ AI ในบริบทของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลกระทบของ AI ต่อสิทธิมนุษยชน รวมถึงการรับรู้ของสาธารณชนต่อความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดจาก AI ตลอดจนแนวทางเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนจากการใช้และพัฒนา AI

           ในการเสวนาดังกล่าว สำนักงาน กสม. ได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฐิติรัตน์  ทิพย์สัมฤทธิ์กุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายหัตถพงษ์  หิรัญรัตน์ เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนากฎหมาย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ นายภาคภูมิ  พัฒนเศรษฐานนท์ รองประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น และนายโกวิท  โพธิสาร บรรณาธิการ เดอะ อีสานเรคคอร์ด ร่วมเป็นวิทยากรเสวนาในประเด็น “ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับสิทธิมนุษยชน” โดยวิทยากรได้ร่วมเสวนาในประเด็นสถานการณ์ โอกาสและความท้าทายในการพัฒนาและการใช้ AI ในประเทศไทย กรอบและการพัฒนากฎหมาย นโยบายและมาตรการกำกับดูแลการใช้และการพัฒนา AI ของประเทศไทย ความเชื่อมโยงของ AI กับประเด็นสิทธิมนุษยชน ผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบในการนำ AI มาประยุกต์ใช้ทั้งด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน สิทธิแรงงาน สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี และสิทธิอื่น ๆ ตลอดจนการกำกับดูแลการใช้และการพัฒนา AI ซึ่งที่ประชุมได้ร่วมแลกเปลี่ยนประเด็นดังกล่าวในบริบทของจังหวัดขอนแก่นและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

           ในช่วงบ่าย เป็นการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมการเสวนาเกี่ยวกับการรับรู้และมุมมองด้านผลกระทบของ AI ต่อสิทธิมนุษยชน และข้อเสนอแนะต่อมาตรการหรือวิธีการกำกับดูแล AI โดยผู้เข้าร่วมเห็นว่าการใช้ AI ส่งผลกระทบต่อสิทธิในความเป็นส่วนตัวมากที่สุด รองลงมาเป็นสิทธิในการทำงานและการดำรงชีพ อันดับสุดท้ายคือ สิทธิเด็ก ผู้เข้าร่วมได้สะท้อนถึงความกังวลในการเข้ามาของ AI อาทิ การแย่งงานโดยเฉพาะในกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ การเกิดขึ้นของผู้ประกอบการคนเดียว (solo entrepreneur) เนื่องจากสามารถใช้ AI ทดแทนพนักงานได้ การแย่งชิงพื้นที่การปรากฏตัวของข้อมูลเนื่องจากการจัดสรรข้อมูลผ่านระบบ algorithm ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และอัตราการเพิ่มขึ้นของคำพูดที่แสดงความเกลียดชัง (hate speech) และข่าวปลอม (fake news) อย่างมีนัยยะสำคัญ นอกจากนี้ การพัฒนาระบบโมเดล AI ด้วยชุดข้อมูลในอดีตที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ตก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มบุคคล เช่น ผู้มีความหลากหลายทางเพศ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้ติดเชื้อเอชไอวีหรือผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี เป็นต้น

           ทั้งนี้ สำนักงาน กสม. จะจัดการเสวนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการในลักษณะดังกล่าวในภาคเหนือและภาคใต้ เพื่อสังเคราะห์ข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะที่ได้จัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายโดยรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ก่อนนำเสนอสู่ “สมัชชาสิทธิมนุษยชน” ซึ่งกำหนดจัดในเดือนธันวาคม 2568 ต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน