รัฐมนตรีรักษาการรับผิดชอบกิจการศาสนาอิสลามและรัฐมนตรีอาวุโสแห่งรัฐประจำกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยอธิบดีกรมราชทัณฑ์สิงคโปร์ และคณะ เยือนสำนักงาน กสม. เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังและการตรวจเยี่ยมสถานที่ควบคุมตัว

18/07/2568 103

           เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 นางสาวปิติกาญจน์  สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายพิทยา  จินาวัฒน์ ที่ปรึกษาประจำ กสม. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. ให้การต้อนรับและประชุมหารือร่วมกับ Assoc. Prof. Muhammad Faishal Ibrahim รัฐมนตรีรักษาการรับผิดชอบกิจการศาสนาอิสลาม และรัฐมนตรีอาวุโสแห่งรัฐประจำกระทรวงมหาดไทย Ms. Shie Yong Lee อธิบดีกรมราชทัณฑ์สิงคโปร์ คณะกรรมการตรวจเยี่ยมเรือนจำ (Board of Visiting Justices: BOVJ) คณะกรรมการตรวจเยี่ยมสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (Board of Visitors: BOV) พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์สิงคโปร์และไทย ณ ห้องประชุม 709 ชั้น 7 สำนักงาน กสม.

           การประชุมหารือนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนทางวิชาการด้านการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังระหว่างไทยและสิงคโปร์ โดยเน้นบทบาทของกลไกการตรวจสอบภายนอก (External Oversight Mechanism) ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตามหลักการปารีส (Paris Principles) และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในสถานที่ควบคุมตัวทุกประเภท ซึ่งรวมถึงการรับและตรวจสอบเรื่องร้องเรียน การติดตามและประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชน และการจัดทำข้อเสนอแนะทางกฎหมายและนโยบาย รวมทั้งการตรวจเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอ ซึ่ง กสม. ได้พัฒนาวิธีการ เครื่องมือ และกลไกการตรวจเยี่ยมเชิงป้องกันตามมาตรฐานของพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน (OPCAT) ขึ้นในปี 2566 เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดตั้งกลไกป้องกันการทรมานระดับชาติ (National Preventive Mechanism: NPM) ในประเทศไทยในอนาคต  

           ในการหารือดังกล่าว คณะผู้แทนสิงคโปร์ให้ความสนใจเกี่ยวกับกระบวนการและเครื่องมือการตรวจเยี่ยมเชิงป้องกันของ กสม. การสร้างความเข้าใจและความร่วมมือร่วมกับกรมราชทัณฑ์ รวมทั้งประเด็นเฉพาะ เช่น ปัญหาเรือนจำแออัดในประเทศไทย รวมทั้งได้กล่าวชื่นชมแนวคิดในการตรวจเยี่ยมเชิงป้องกันอย่างเป็นระบบซึ่งมุ่งที่จะคุ้มครองสิทธิของผู้ถูกควบคุมตัวตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดการละเมิด โดยยึดหลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเป็นมืออาชีพ และการสร้างความไว้วางใจร่วมกันทุกฝ่าย ในการนี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้กล่าวเน้นย้ำการเข้าเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอของ กสม. การให้ข้อเสนอแนะเชิงระบบ และการร่วมมือกับหน่วยงานอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งกล่าวถึงแผนในการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการตรวจเยี่ยมเชิงป้องกันร่วมกับกรมราชทัณฑ์ในระยะใกล้ เพื่อเสริมสร้างกระบวนการตรวจเยี่ยมที่โปร่งใสและร่วมสร้างความเข้มแข็งของระบบงานราชทัณฑ์ในระยะยาวต่อไป

           การประชุมครั้งนี้ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการตรวจเยี่ยมสถานที่ควบคุมตัวระหว่างไทยและสิงคโปร์ โดยเฉพาะแนวทางการตรวจเยี่ยมเชิงป้องกันของ กสม. เป็นเวทีที่จะเปิดโอกาสสู่ความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสสำคัญที่ กสม. ได้แสดงความพร้อมในการพัฒนาสู่การเป็นกลไก NPM ของประเทศไทยในอนาคต

เลื่อนขึ้นด้านบน