เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายบุญเกื้อ  สมนึก ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (สำนักงาน กสม.) เข้าพบ พล.อ.อ.สุรฤทธิ์  กิจจาทร รองปลัดกระทรวงกลาโหม และคณะ เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนระหว่างสำนักงาน กสม. กับกระทรวงกลาโหม ณ ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

           กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีภารกิจในการส่งเสริม คุ้มครองและเฝ้าระวังสถานการณ์สิทธิมนุษยชน โดยการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์การระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน การเข้าพบหารือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประสานความร่วมมือระหว่าง กสม. กับกระทรวงกลาโหมในการขับเคลื่อนการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 การส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน และการกำหนดแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันการทรมานและการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมในการฝึกทหารใหม่

           ในการนี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับบทบาทภารกิจของ กสม. และกระทรวงกลาโหม รวมถึงปัญหาและข้อท้าทาย ตลอดจนแนวทางการขับเคลื่อนการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ที่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ การส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน เพื่อเป็นกรอบในการขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันในอนาคต นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจเยี่ยมศูนย์ฝึกทหารใหม่ของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศในห้วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งโดยภาพรวมพบว่าได้ดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ สอดคล้องกับหลักการด้านสิทธิมนุษยชน และพบว่ามีพัฒนาการในทางที่ดีอย่างเห็นได้ชัด

           ด้านรองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ อย่างเคร่งครัด โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีคำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 1379/2567 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เรื่อง มาตรการควบคุมและป้องกันการลงทัณฑ์หรือลงโทษที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายและแบบธรรมเนียมทหาร และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ เพื่อให้การลงทัณฑ์เป็นไปตามกฎหมายและมีความเหมาะสม ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำคู่มือปฏิบัติของผู้บังคับบัญชาทั้งที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงจนถึงผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ กสม. จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการทำงานร่วมกับกระทรวงกลาโหม เพื่อลดความเสี่ยงในการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลที่อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น โดยเห็นว่าการสร้างความร่วมมือเชิงป้องกันร่วมกันอย่างสร้างสรรค์จะขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ในเชิงระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น