กสม. ปิติกาญจน์ ร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และข้อท้าทายจากการดำเนินการตามหลักการ UNGPs รวมทั้งการทดสอบแบบประเมินตนเอง สำหรับธุรกิจ SMEs

08/07/2568 118

           เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพมหานคร นางสาวปิติกาญจน์  สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนางรัตติกุล  จันทร์สุริยา ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายภาณุวัฒน์  ทองสุข รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. ร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และข้อท้าทายจากการดำเนินการตามหลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGPs) รวมทั้งการทดสอบแบบประเมินตนเองสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยมีผู้แทนผู้ประกอบการ SMEs องค์กรภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง องค์การระหว่างประเทศ และนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปสม.) รุ่นที่ 4 รวมถึงผู้สนใจเข้าร่วมการประชุมในห้องประชุมและผ่านระบบออนไลน์กว่า 60 คน

           กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้กล่าวถึง บริบทโลกไร้พรมแดนในปัจจุบันที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงหลักการด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าสินค้าและบริการที่ได้รับนั้นเป็นไปตามมาตรฐานระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการ SMEs ถือเป็นองค์กรธุรกิจรากฐานสำคัญที่สร้างมูลค่าให้กับระบบเศรษฐกิจของไทย การผลักดันให้ SMEs ไทยตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence: HRDD) และมีความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจของตนไม่ให้ละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้าง ลูกค้า หรือคู่ค้า ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน จึงเป็นเป้าหมายที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่มีภารกิจในการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ยินดีอย่างยิ่งที่จะได้รับฟังข้อมูลความคิดเห็นจาก SMEs และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สำหรับนำไปประกอบการจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริม SMEs ให้สามารถดำเนินการตามหลักการ UNGPs ได้อย่างยั่งยืนต่อไป  

           จากนั้น ผศ. เสาวนีย์  แก้วจุลกาญจน์ ได้นำเสนอวัตถุประสงค์และภาพรวมของการดำเนินงานในประเด็นธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจ ลดความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ ประกอบกับประเทศไทยอยู่ระหว่างการจัดทำกฎหมาย HRDD จึงควรเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจและเตรียมความพร้อมให้กับภาคธุรกิจเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนการ HRDD ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจประเภทใดและขนาดใดก็ตาม

           ในช่วงต่อมา ผู้แทนจาก SMEs 2 แห่ง ได้แก่ นายสถาพร  ฉายะโอภาส ผู้แทนจากบริษัท มิตรใหม่ฟาร์ม จำกัด และนางวิไลวรรณ  ทิพย์บุญ ผู้แทนจากบริษัท ผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องสยาม จำกัด ได้นำเสนอแนวปฏิบัติที่ดีโดยถ่ายทอดประสบการณ์ความสำเร็จของการดำเนินงานโดยเคารพสิทธิมนุษยชน รวมทั้งแลกเปลี่ยนแนวทางการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านที่เข้าใจได้ง่ายและเหมาะสมกับบริบทของธุรกิจ SMEs โดยเริ่มต้นจากการมีทัศนคติที่ดี เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความเสมอภาคเท่าเทียมกัน รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามมาตรฐานและกฎหมายที่มีอยู่ให้ถูกต้องครบถ้วน

           จากนั้น นายวาทิต  ประสมทรัพย์ ผู้จัดการแผนกกิจการสัมพันธ์และ CSR ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) และนางจุฑา  ธาราไชย ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาพื้นที่และชุมชน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ได้นำเสนอที่มาและวัตถุประสงค์ของการจัดทำ “(ร่าง) แบบรายการตรวจสอบ (Checklist) ตามแนวทางประเมินตนเองของ SMEs” ซึ่งจัดทำโดยนักศึกษา ปสม. รุ่นที่ 4 และให้ผู้เข้าร่วมประชุมร่วมทดลองทำแบบรายการตรวจสอบ พร้อมให้ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาเพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของธุรกิจ SMEs มากยิ่งขึ้น ในโอกาสนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อท้าทายและข้อเสนอแนะในการส่งเสริมให้ธุรกิจ SMEs ประกอบธุรกิจโดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนอีกด้วย

           ในช่วงท้าย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวขอบคุณวิทยากรและผู้เข้าร่วมประชุมที่มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อกังวล ข้อท้าทาย ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับ กสม. ในการขับเคลื่อนประเด็นธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยหลังจากกิจกรรมในครั้งนี้ กสม. จะรับฟังข้อมูลจากผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ ทั้งภาคธุรกิจขนาดใหญ่และภาครัฐ เพื่อประมวลข้อมูลอย่างรอบด้านไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและแนวทางการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ที่จะขับเคลื่อนผ่านข้อมติสมัชชาสิทธิมนุษยชนประจำปี 2568 ต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน