กสม. วสันต์ ประชุมขับเคลื่อนการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อคุ้มครองสิทธิเด็ก อันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิทางการศึกษา กรณีปิดศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร

08/07/2568 105

           เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.30 น. นายวสันต์  ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. จัดประชุมขับเคลื่อนการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อคุ้มครองสิทธิเด็ก อันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิทางการศึกษา กรณีปิดศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ผู้แทนสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร ผู้แทนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ผู้แทนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดสมุทรสาคร ผู้แทนสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสาคร ผู้แทนบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสมุทรสาคร ผู้แทนสำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร ผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสมุทรสาคร ผู้แทนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ผู้แทนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสาคร ผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ผู้แทนเทศบาลนครสมุทรสาคร ผู้แทนเทศบาลนครอ้อมน้อย ผู้แทนเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน ผู้แทนเทศบาลตำบลนาดี ผู้แทนเทศบาลตำบลบางหญ้าแพรก ผู้แทนสมาคมพราว และผู้แทนศูนย์คาทอลิกนักบุญอันนาเพื่อผู้อพยพย้ายถิ่น ณ ห้องประชุมภูฟ้า โรงแรมเซ็นทรัล เพลส สมุทรสาคร อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร

           ในการประชุมดังกล่าว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้กล่าวถึงความเป็นมา ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ในการแก้ไขปัญหาศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวเชิงระบบ โดยคำนึงถึงมติด้านต่าง ๆ ซึ่งในระยะเร่งด่วนมีข้อเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการ ดังนี้ 1) สร้างความเข้าใจกับหน่วยงานทางการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว และไม่ดำเนินมาตรการใด ๆ ที่ส่งผล กระทบต่อศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าว และ 2) เปิดโอกาสให้ผู้จัดการเรียนการสอนจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าว ไม่เฉพาะในเขตพื้นที่ชายแดน ส่วนระยะถัดไป ขอให้เร่งปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวเข้าสู่ระบบกฎหมาย

           ในการนี้ที่ประชุมได้เปิดเวทีให้ทุกฝ่ายร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็น และข้อเสนอแนะ โดยมีความเห็นร่วมกันว่า ควรเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็กที่จะได้เข้าถึงสิทธิทางการศึกษา โดยการประสานความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม องค์กรระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า หากส่วนกลางมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน จะช่วยให้หน่วยงานในพื้นที่สามารถดำเนินการตามติคณะรัฐมนตรีข้างต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

           ทั้งนี้ กสม. อยู่ระหว่างประสานความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดออกแนวทางการจดแจ้งจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวในพื้นที่ตามแนวชายแดน และพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก โดยในเบื้องต้นกระทรวงศึกษาธิการจะเร่งแจ้งเวียนและสร้างความเข้าใจแก่หน่วยงานทางการศึกษาในระดับภูมิภาค หรือจังหวัดทราบและถือปฏิบัติตามแนวนโยบายที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เพื่อลดผลกระทบต่อสิทธิเด็ก อันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิด้านการศึกษาตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่ง กสม. จะได้ประสานขับเคลื่อนร่วมกันต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน