กสม. หารือภาคประชาสังคม ชี้ปัญหาเชิงระบบของกลไก NSM มุ่งยกระดับการคุ้มครองสิทธิผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิง

26/06/2568 234

          เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พรประไพ  กาญจนรินทร์ พร้อมด้วยกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุชาติ  เศรษฐมาลินี ศยามล  ไกยูรวงศ์ ที่ปรึกษาประจำ กสม. รัตติกุล จันทร์สุริยา เลขาธิการ กสม. หรรษา หอมหวล ผู้บริหารสำนักงาน กสม. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมกับ ผู้อำนวยการบริหาร Asylum Access Thailand (AAT) นัยนา  ธนวัฑโฒ และผู้แทนเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ทำงานด้านการช่วยเหลือผู้ลี้ภัย เพื่อแลกเปลี่ยนสถานการณ์การบังคับใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการคัดกรองคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรและไม่สามารถเดินทางกลับประเทศอันเป็นภูมิลำเนาได้ พ.ศ. 2562 หรือกลไกการคัดกรองคนต่างด้าวหรือ National Screening Mechanism (NSM) โดยเฉพาะอุปสรรค ความท้าทาย ช่องว่างของการบังคับใช้ บทบาทและประสบการณ์ของภาคประชาสังคมในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงในกระบวนการ NSM

          ผู้แทนภาคประชาสังคมได้สะท้อนประเด็นปัญหาเชิงระบบของ NSM ที่หน่วยงานของไทยโดยเฉพาะสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ยังคงเผชิญกับข้อจำกัดหลายประการ อาทิ การเข้าถึงกระบวนการคัดกรองที่จำกัด การขาดแคลนล่าม บุคลากรและงบประมาณไม่เพียงพอ รวมถึงการตีความกฎหมายคนเข้าเมืองของ สตม. ที่อาจกระทบต่อสิทธิของผู้ลี้ภัย นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่น ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีของผู้ลี้ภัย เช่น ความไม่เป็นธรรมในกระบวนการประกันตัว การจำกัดสิทธิในการอุทธรณ์ การเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เท่าเทียม และการขาดสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสุขภาพ การศึกษา และการทำงาน

          คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แลกเปลี่ยนความคืบหน้าของข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการคัดกรองฯ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน และติดตามผลการดำเนินงานอย่างเป็นระยะมาโดยตลอด พร้อมทั้งยืนยันบทบาทหลักในการตรวจสอบ แสวงหาข้อเท็จจริง และให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่องในประเด็นสิทธิของผู้ลี้ภัย ทั้งในกรณีชาวอุยกูร์ โรฮิงญา และผู้ที่ถูกกักตัวในห้องกัก โดยใช้กลไกติดตามผลการดำเนินงานและการสื่อสารสาธารณะเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในสังคม ทั้งนี้ กสม. จะรวบรวมข้อมูลจากภาคประชาสังคมเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่ชัดเจน และเตรียมประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาเชิงระบบอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งขยายความร่วมมือกับภาคประชาสังคมและความช่วยเหลือด้านกฎหมายจากสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเสริมพลังการขับเคลื่อนกลไกการคุ้มครองสิทธิผู้ลี้ภัยให้มีประสิทธิผลและยั่งยืนต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน