สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคใต้ร่วมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

24/06/2568 221

          เมื่อวันที่ 18 – 19 มิถุนายน 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุชาติ  เศรษฐมาลินี กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นางสาวรตญา  กอบศิริกาญจน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายดนัย  มู่สา ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายสุเรนทร์  ปะดุกา ผู้อำนวยการสำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคใต้และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคใต้ ร่วมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีกิจกรรมดังนี้

          วันที่ 18 มิถุนายน 2568 เวลา 10.30 น. ที่สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะ เข้าร่วมพิธีเปิด “โครงการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) เพื่อช่วยเหลือคนไทยในมาเลเซียที่มีสถานะตกหล่นทางทะเบียนราษฎร” พร้อมการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการทางการแพทย์ โดยมีนายกูเฮง  ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิด

          การจัดโครงการตรวจสารพันธุกรรมฯ เพื่อช่วยเหลือคนไทยในมาเลเซียที่มีสถานะตกหล่นทางทะเบียนราษฎร เป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงาน กสม. ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส และกรมการปกครอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร ซึ่งสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ได้สำรวจชุมชนในเขตกงสุล ได้แก่ รัฐกลันตันและรัฐตรังกานู ที่คนไทยเข้าไปอาศัยเพื่อประกอบอาชีพ พบว่ามีชาวไทยจำนวนมากตกทุกข์ได้ยากและขัดสน เนื่องจากไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนและไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ จำเป็นต้องอาศัยการพิสูจน์ตัวบุคคลผ่านความสัมพันธ์ทางสายโลหิต หรือการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม (DNA) โดยกิจกรรมระหว่างวันที่ 18 – 19 มิถุนายน 2568 มีบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎรลงทะเบียนเข้ารับการตรวจ DNA จำนวน 102 คน เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการขอสถานะทางทะเบียนราษฎร ซึ่งสำนักงาน กสม. และ ศอ.บต. ได้ร่วมกันส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบคณะทำงานขับเคลื่อนการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คณะทำงานร่วมระหว่างสำนักงาน กสม. และ ศอ.บต.) นับตั้งแต่ พ.ศ. 2565 ถึงปัจจุบัน มีผู้มาขอรับบริการตรวจ DNA จำนวน 1,736 คน ได้รับการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรไปแล้วจำนวน 494 คน และอยู่ระหว่างการดำเนินการ 1,242 คน

          ต่อมาในเวลา 14.00 น. กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะได้ประชุมร่วมกับ ผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย นายภาษิต จูฑะพุทธิ กงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. นายธเนศ บุญตามชู หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 9 นายแพทย์ถนัด อาวารุลหัก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นางสาวจุฑารัตน์ จินตกานนท์ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นายสายันต์ อาจณรงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 12 สงขลา และ นายแพทย์วุฒิชัย ดิลกธราดล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เพื่อแสวงหาแนวทางและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร

          ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก สำนักงาน กสม. พบปัญหาว่า กลุ่มคนไทยผู้ประสบปัญหาสถานะบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย เมื่อได้รับการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม (DNA) เพื่อพิสูจน์ตัวบุคคลผ่านความสัมพันธ์ทางสายโลหิตแล้ว มีภาระและความยากลำบากในการเดินทางกลับมายังประเทศไทย เพื่อยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชน (ครั้งแรก) เพราะปัจจุบันกฎกระทรวง ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2555) ออกตามความในพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 กำหนดให้การขอมีบัตรประจำตัวประชาชน (ครั้งแรก) ต้องยื่นคำขอพร้อมด้วยหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักทะเบียนภายในประเทศไทยเท่านั้น

          ที่ประชุมได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูล สถิติ ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และมีมติในการแก้ไขปัญหาบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และในพื้นที่รับผิดชอบของสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย ดังนี้   

          1. ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และศูนย์ปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตรวจสอบข้อมูล สถิติผลการดำเนินการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม (DNA) ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และในพื้นที่รัฐกลันตันและรัฐตรังกานู ประเทศมาเลเซีย ให้ได้ข้อมูลครบถ้วน ถูกต้อง ชัดเจน เพื่อเป็นข้อมูลในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และในฝั่งประเทศมาเลเซีย

          2. ศอ.บต. และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมการปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม (DNA) ให้กับบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และในฝั่งประเทศมาเลเซียต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิและการบริการขั้นพื้นฐานจากหน่วยงานของรัฐ โดยให้มีการจัดประชุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้าในโอกาสต่อไป

          3. สำนักงาน กสม. รวบรวมข้อมูล จัดทำข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาการขอมีบัตรประจำตัวประชาชน (ครั้งแรก) ของบุคคลที่ผ่านการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม (DNA) แล้วต่อกระทรวงมหาดไทย เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงฉบับที่ 24 (พ.ศ.2555) ออกตามความในพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526

          4. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เสนอว่า การจัดทำมาตรฐานในการปฏิบัติงาน (SOP) หรือแนวปฏิบัติ (GUIDELINE) ในการตรวจพิสูจน์ตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม (DNA) เพื่อพิสูจน์ตัวบุคคลผ่านความสัมพันธ์ทางสายโลหิตจะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญในการยืนยันและจะช่วยลดข้อห่วงกังวลของทางกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยในเรื่องปัญหาการทุจริต การสวมสิทธิ์ด้วย โดยในชั้นต้นนี้อยู่ระหว่างการประสานงานการดำเนินการต่อไป

          จากนั้นวันที่ 19 มิถุนายน 2568 กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อพบปะชุมชนคนสยามในประเทศมาเลเซีย โดยได้เข้านมัสการพระครูสุวรรณวรานุกูล เจ้าอาวาสวัดพิกุลทองวราราม เขตตุมปัต รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยวัดพิกุลทองวรารามมีพระสงฆ์ 6 รูป แม่ชี 2 คน เป็นศูนย์รวมของชุมชนสยามในเขตตุมปัต รัฐกลันตัน ซึ่งเป็นคนเชื้อสายไทยดั้งเดิม ก่อนการขีดเส้นแบ่งเขตแดน จากสนธิสัญญา “แองโกล - สยาม” ระหว่างสยาม หรือไทย กับอังกฤษ ในฐานะเจ้าอาณานิคมของดินแดนมลายู ในช่วงปลายรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 โดยคนกลุ่มนี้ ไม่มีปัญหาเรื่องสิทธิและสถานะบุคคล เนื่องจากได้รับสัญชาติมาเลเซียถือว่าเป็นภูมิบุตร มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ทรัพย์สิน และได้รับสิทธิสวัสดิการจากประเทศมาเลเซีย แต่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยเอาไว้อยู่ เช่น การนับถือศาสนาพุทธ รักษาขนบธรรมเนียมประเพณี อาทิ ประเพณีสงกรานต์ ลอยกระทง และวันสำคัญทางศาสนา การสื่อสารของคนสยามได้ 5 ภาษาประกอบด้วย ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาไทยถิ่นเจ๊ะเห ภาษาอังกฤษ ภาษามลายู และภาษาจีน โดยจะมีการเรียน การสอนภาษาไทยมาตรฐานในโรงเรียนวัด คนสยามในรัฐกลันตัน และรัฐเคดาห์ มีจำนวนรวมประมาณ 80,000 คน ได้รับโควต้าให้มีตัวแทนเป็นสมาชิกวุฒิสภาได้ จำนวน 1 คน เพื่อไปนั่งในรัฐสภามาเลเซีย คนไทยสยามรักษาความเป็นไทยได้โดยจากการจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาไทยมาตรฐานภายใต้หลักการว่า “ภาษาไทยของเราแต่โบราณ สร้างตำนานชนชาติที่ยิ่งใหญ่ เป็นภาระหน้าที่ของคนไทย ธำรงรักษาไว้คู่ไทยเอย”

           ทั้งนี้ สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคใต้ จะได้รวบรวมข้อมูล เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เพื่อแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และในฝั่งประเทศมาเลเซียเพื่อเสนอส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน