กสม. สุภัทรา ร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนงานสมัชชาสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568 ประเด็นสิทธิแรงงาน พื้นที่ภาคใต้

16/06/2568 158

          เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมแก้วสมุย คอนเวนชั่น 3 แก้วสมุยรีสอร์ท อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี นางสาวสุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายบุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายภาณุพันธ์ สมสกุล ที่ปรึกษาสำนักงาน กสม. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนงานสมัชชาสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568 ประเด็นสิทธิแรงงาน พื้นที่ภาคใต้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนด้านแรงงาน และการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87 และฉบับที่ 98 และอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานและสมาชิกในครอบครัว โดยระดมความคิดเห็นจากตัวแทนของแรงงานกลุ่มต่าง ๆ เพื่อให้ข้อคิดเห็นและประเด็นปัญหาด้านสิทธิแรงงานในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานสมัชชาสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568 โดยผู้เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการประกอบด้วย ตัวแทนของแรงงานในระบบ แรงงานนอกระบบ แรงงานแพลตฟอร์ม แรงงานข้ามชาติ พนักงานบริการ และแรงงานจ้างเหมาบริการ

          การประชุมดังกล่าว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้กล่าวเปิดงานและอธิบายถึงวัตถุประสงค์ในการจัดการประชุมในครั้งนี้ สถานการณ์ปัญหาด้านแรงงานกลุ่มต่าง ๆ ที่ยังคงถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87 และฉบับที่ 98 และอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานและสมาชิกในครอบครัว ส่วนของผลการประชุมกลุ่มย่อยเพื่อระดมความคิดเห็นจากตัวแทนของกลุ่มแรงงานเพื่อรับทราบประเด็นปัญหาในพื้นที่และข้อเสนอแนะของกลุ่มแรงงาน โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

          1) กลุ่มแรงงานในระบบเสนอแนะให้ยกเลิกการจ้างงานที่ไม่มั่นคงทุกรูปแบบ และเรียกร้องให้ค่าจ้างขั้นต่ำเท่ากันทุกจังหวัด เนื่องจากสินค้าและบริการต่าง ๆ มีราคาเท่ากัน

          2) กลุ่มแรงงานนอกระบบให้คุ้มครองและส่งเสริมความมั่นคงทางอาชีพ อาทิ การเข้าถึงเงินกู้ และให้รัฐช่วยจ่ายเงินสมทบผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และปรับเกณฑ์การจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เพียงอัตราเดียว

          3) กลุ่มแรงงานแพลตฟอร์มผลักดันให้มีกฎหมายรองรับสถานะความเป็นแรงงานและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย

          4) กลุ่มแรงงานข้ามชาติผลักดันการขึ้นทะเบียนแรงงานที่สะดวกและเสียค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม ซึ่งในปัจจุบันการขึ้นทะเบียนแรงงานกระทำผ่านนายหน้า (broker) ทำให้แรงงานข้ามชาติบางคนถูกหลอกหรือเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังต้องการให้รัฐส่งเสริมและทำให้ศูนย์การเรียนรู้ของลูกหลานแรงงานข้ามชาติ (MLC) ถูกกฎหมาย อีกทั้งให้มีการขายประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวในทุกโรงพยาบาล

          5) กลุ่มพนักงานบริการเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายที่มีโทษทางอาญากับพนักงานบริการ และให้มีการขึ้นทะเบียนกลุ่มพนักงานบริการเพื่อเป็นแรงงานที่ได้รับสวัสดิการและมีการเสียภาษีให้แก่รัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

          6) กลุ่มแรงงานจ้างเหมาบริการต้องการให้แก้ไขปัญหาการจ้างงานที่ไม่มั่นคงและการจ่ายเงินเดือนล่าช้า อีกทั้งส่งเสริมให้แรงงานจ้างเหมาบริการเข้าสู่ระบบประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน เนื่องจากในปัจจุบันแรงงานจ้างเหมาบริการไม่ได้รับสวัสดิการต่าง ๆ อาทิ การลา การคลอดบุตร และการเสียชีวิต รวมถึงเงินค่าตอบแทนพิเศษให้พนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัย จังหวัดชายแดนภาคใต้

          นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นว่าการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานและสมาชิกในครอบครัว รวมถึงอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87 และฉบับที่ 98 จะช่วยยกระดับการคุ้มครองและคุณภาพชีวิตของแรงงาน

          ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) จะได้รวบรวมข้อมูลและผลจากการระดมความคิดเห็นในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนงานสมัชชาสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568 ประเด็นสิทธิแรงงานต่อไป

 

เลื่อนขึ้นด้านบน