กสม. ปิติกาญจน์ ร่วมเวทีเสวนาวิชาการ “การยกระดับความช่วยเหลือทางกฎหมาย เพื่อสร้างหลักประกันการเข้าถึงความยุติธรรมสำหรับทุกคน” (Access to Justice for All)

10/06/2568 250

          เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 เวลา 09.30 น. ที่ห้องทิวลิป โรงแรมรามา การ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต หลักสี่ กรุงเทพมหานคร นางสาวปิติกาญจน์  สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายพิทยา  จินาวัฒน์ ที่ปรึกษาประจำ กสม. นายภาณุวัฒน์  ทองสุข รองเลขาธิการ กสม. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. ร่วมเวทีเสวนาวิชาการ หัวข้อ “การยกระดับความช่วยเหลือทางกฎหมาย เพื่อสร้างหลักประกันการเข้าถึงความยุติธรรมสำหรับทุกคน (Access to Justice for All)” จัดโดย สำนักงาน กสม. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ปัญหา อุปสรรค นำไปสู่การระดมความคิดเห็น สร้างความร่วมมือพัฒนากลไกการทำงานบริการสังคมจากอาสาสมัครวิชาชีพกฎหมาย (Pro Bono work ) และมีข้อเสนอแนะต่อกระบวนการดำเนินงานที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย

          กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวเปิดการเสวนาในประเด็น บทบาทคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กับการขับเคลื่อนงานด้านสิทธิในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะในชั้นต้นธาร หรือชั้นก่อนฟ้องคดี ซึ่งรัฐมีหน้าที่ต้องจัดกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้โดยสะดวก รวดเร็ว และไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงเกินสมควร ประชาชนสามารถเข้าถึงความเป็นธรรมและได้รับการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐต้องจัดให้ผู้ต้องหาในคดีอาญาต้องมีทนายความ และได้รับคำปรึกษาจากทนายความอย่างมีคุณภาพ มีความเชี่ยวชาญในแต่ละประเภทคดี เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหา และจำเลยในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาคดี เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้สามารถเข้าถึงความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมจากการเลือกปฏิบัติด้วยฐานะทางเศรษฐกิจ และเป็นส่วนเสริมให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน

          ต่อมา วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ ดังนี้ (1) การสร้างหลักประกันการเข้าถึงความยุติธรรม จากอาสาสมัครวิชาชีพกฎหมาย (Pro Bono) โดย นายธวัช  ดำสอาด หุ้นส่วนและหัวหน้าแผนกไกล่เกลี่ยและระงับข้อพิพาท บริษัท ติลลิกีแอนด์กิบบินส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Tilleke & Gibbins International Ltd.) (2) ทนายความเพื่อความเป็นธรรมในสังคม โดย นายสมชาย  หอมลออ ทนายความอาวุโส และ (3) ข้อเสนอแนะต่อกลไกการช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน โดย ผศ. ดร. ปริญญา  เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

          ในการเสวนาวิชาการดังกล่าวมีผู้เกี่ยวข้องจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย และบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย เข้าร่วมประมาณ 80 คน ประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานกองทุนยุติธรรมทั้งส่วนกลาง และสำนักงานภูมิภาค ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี กาญจนบุรี ชลบุรี ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ผู้แทนสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสำนักงานศาลยุติธรรม ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถานีตำรวจในส่วนภูมิภาค ได้แก่ สภ. นครชัยศรี สภ. เมืองพิษณุโลก สภ. เมืองจันทบุรี และสถานีตำรวจนครบาล ได้แก่ สน. ห้วยขวาง และ สน. ปทุมวัน ผู้แทนสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ผู้แทนสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ผู้แทนสำนักงานช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา (ส.ช.น.) ผู้แทนสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ผู้แทนศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชน ผู้แทนสถาบันการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

          ตลอดเวทีเสวนาได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่หลากหลาย เช่น การฟ้องปิดปาก (Strategic Lawsuit Against Public Participation: SLAPP) หรือการใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือในการคุกคาม โดยไม่หวังผลทางคดี การขอปล่อยชั่วคราวในคดีความมั่นคง การพิจารณาคดีระบบไต่สวน การต่อสู้คดีภายใต้กฎหมายความมั่นคง การทำงานบริการสังคมทดแทนการลงโทษกักขังแทนค่าปรับ อุปสรรคของการต่อสู้คดีโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตปล่อยชั่วคราว ความจำเป็นของห้องพบทนายอย่างเป็นส่วนตัวในขณะถูกคุมขังในเรือนจำ นอกจากนี้ มีข้อเสนอแนะต่อการสร้างแรงจูงใจในการทำงานบริการสังคมในรูปแบบ pro bono work ในประเทศไทย เปรียบเทียบกับต่างประเทศ เช่น รูปแบบการให้ประโยชน์ทางภาษี การประกันภัยวิชาชีพทนายความ บทบาทขององค์กรสภาวิชาชีพในการขึ้นทะเบียนทนายอาสา ขอบเขตของคดีที่ควรช่วยเหลือ ได้แก่ ทนายโจทก์ในคดีอาญา งานที่เกี่ยวกับคดีแพ่ง คดีปกครอง คดีที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ อีกทั้ง มีข้อเสนอแนะต่อการจัดหากองทุน หรือการบริหารงบประมาณเพื่อผลักดันให้มีกลไกช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และส่งผลอย่างเป็นรูปธรรม 

          ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเห็นสอดคล้องกันว่าสิทธิในการเข้าถึงความยุติธรรมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐต้องสนับสนุนและส่งเสริมให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ยากไร้ หรือผู้ด้อยโอกาส รวมถึงการจัดหาทนายความให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากเวทีเสวนาวิชาการในครั้งนี้ สำนักงาน กสม. จะจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเสนอต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และต่อเนื่องบนพื้นฐานหลักการสากลที่ทุกภาคส่วนยอมรับต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน