กสม.ศยามล กล่าวปาฐกถาในงานเวทีวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ

06/06/2568 123

          เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.15 น. นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นผู้กล่าวปาฐกถา หัวข้อ "ผลกระทบของการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน" ในงานเวทีวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ จัดโดย คณะทำงานยุทธศาสตร์ประเด็นสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ สมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ (CAP -NATURE) ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการ เจ้าหน้าที่องค์กร Accountability Council เครือข่ายปะแตสีเขียว เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น และเครือข่ายปาดี ณ  สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา(หลังใหม่) 

          กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวปาฐกถาสรุปได้ว่า การจัดการเวทีประเด็นสิ่งแวดล้อมครั้งนี้ถือว่าเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจต่อภารกิจของการปกป้องสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติภายใต้แนวคิดศรัทธาและความยุติธรรม เมื่อปี พ.ศ. 2564 คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council) ได้รับรองสิทธิมนุษยชนต่อสิ่งแวดล้อมที่ดีในเชิงเนื้อหาที่มนุษย์ทุกคนย่อมมีศักดิ์ศรีที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ มีที่ดินทำกิน มีที่อยู่อาศัย เข้าถึงน้ำสุขาภิบาล มีสภาพแวดล้อมที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่ดีทั้งด้าน ดิน น้ำ อากาศ และรับรองสิทธิเชิงกระบวนการที่ต้องตระหนักถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างมีความหมาย ซึ่งเป็นสิทธิของประชาชนที่ต้องได้รับข้อมูลข่าวสาร มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ร้องทุกข์หรือร่วมตัดสินใจในโครงการพัฒนาต่าง ๆ รวมถึงการมีส่วนร่วมในการวางแผนพัฒนาพื้นที่ของตนเอง และเข้าถึงความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยยังต้องมีการพัฒนากฎหมายวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อม กฎหมายสิ่งแวดล้อมและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่จะทำให้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีแล้วเข้าถึงความเป็นธรรม รวมถึงการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน  (Human Rights Defender) ทั้งนี้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้รับรองสิทธิชุมชน รวมถึงสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ชนเผ่าพื้นเมือง ซึ่งเป็นการริเริ่มของของภาคประชาชนที่ขับเคลื่อนมาตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบัน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ ปัญหาที่ดินในเขตพื้นที่ป่า และยังมีหลายพื้นที่ยังไม่ได้รับการออกเอกสารสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายหรือมีการทำกินมานานและอยู่ในที่สาธารณประโยชน์ การจัดการน้ำ โรงไฟฟ้าที่เกิดขึ้น รวมถึงแผนพัฒนาด้านเศษฐกิจ ทำให้เห็นว่า ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมไม่สามารถมองได้เพียงมิติเดียว แต่เป็นเรื่องการจัดการความขัดแย้งบนฐาน การพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและชุมชน กสม.ขอเป็นกำลังใจให้นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ทุกท่านและยินดีร่วมกันในการขับเคลื่อนปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมและชุมชนให้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างยั่งยืน

          การจัดเวทีในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมงานกว่า 1,500 คน โดยนายอับดุลเลาะ  ดอเลาะ ประธานคณะทำงาน CAP-NATURE กล่าวถึงจุดประสงค์ของการจัดเวทีครั้งนี้ว่า ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา ไม่ใช่เพียงการใช้ความรุนแรงทางอาวุธหรือกฎหมายพิเศษ หากแต่ยังมีปัญหาเรื่องความขัดแย้งเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เช่น โครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ โรงไฟฟ้าชีวมวล เป็นต้น ประชาชนในพื้นที่ไม่มีส่วนร่วมในการออกแบบโครงการพัฒนาร่วมกัน ส่งผลให้เกิดปัญหามลพิษและการทำลายทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ เวทีนี้จึงเป็นพื้นที่ให้ประชาชนได้ร่วมกันสะท้อนถึงความต้องการในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่และเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและในเวทีได้มีการให้ความรู้เกี่ยวกับมติรับรองของสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิในการมีสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ กฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศที่มีการบังคับใช้เกี่ยวกับประเด็นสิ่งแวดล้อมโดยเจ้าหน้าที่จากองค์กรAccountability Council ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไรที่สนับสนุนและปกป้องสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมของชุมชนทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากโครงการที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินระหว่างประเทศ รวมถึงนักวิชาการที่มาให้ความเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบโครงการพัฒนาในพื้นที่

          ทั้งนี้ เครือข่ายจะมีการเฝ้าระวังและติดตามโครงการพัฒนาที่อาจละเมิดสิ่งแวดล้อม รวบรวมข้อมูลเชิงลึกเพื่อใช้รับมือกับนโยบายรัฐในอนาคต และสร้างความเข้าใจด้านกฎหมายและสิทธิเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ โดยคาดหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดตั้ง “เครือข่ายเฝ้าระวัง” ระดับพื้นที่เพื่อร่วมกันตรวจสอบการพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ในระยะยาว

Cr. ภาพ Muslim attorney centre foundation มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม

เลื่อนขึ้นด้านบน