กสม. ศยามล ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมายกรณีภัยพิบัติและการบริหารจัดการน้ำเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

27/05/2568 211

            เมื่อวันที่ 22 – 23 พฤษภาคม 2568 นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนางสาวมณีรัตน์ มิตรปราสาท และนายไพโรจน์ พลเพชร ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายอัตถพงษ์  ฉันทานุมัติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมายกรณีภัยพิบัติและการบริหารจัดการน้ำเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ณ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก โดยมีกำหนดการดังนี้

            วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ช่วงเช้า กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะ ได้ลงพื้นที่รับฟังข้อมูลจากเจ้าหน้าที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายม – น่าน ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายม – น่าน สำนักชลประทานที่ 3 กรมชลประทาน จากนั้นได้ลงพื้นที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมจาก “โครงการบางระกำโมเดล” ณ ประตูระบายน้ำคลองบางแก้ว และพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบซ้ำซากทุ่งละหาน จังหวัดพิษณุโลก โดยเจ้าหน้าที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายม – น่าน ให้ข้อมูลว่าประชาชนที่เข้าร่วมโครงการบางระกำโมเดลในเขตชลประทาน ได้รับการช่วยเหลือในระดับหนึ่ง แต่ประชาชนในพื้นที่เดียวกันและใกล้เคียงที่ "ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ" อยู่นอกอำนาจของกรมชลประทานจึงไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ ทั้งนี้ ในพื้นที่ทั้งหมดทั้งที่ร่วมและไม่ได้ร่วมโครงการจะไม่ได้รับเงินชดเชยเยียวใดๆจากภาครัฐ

            ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาตและคณะได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน ในหัวข้อ “ประโยชน์และผลกระทบของโครงการบางระกำโมเดล" ณ เทศบาลตำบลบางระกำเมืองใหม่ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ตัวแทนชาวบ้านได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “โครงการบางระกำโมเดล” มีการปรับวิถีชีวิตชาวนา โดยมีปฏิทินการทำนาใหม่ ให้แก่ชาวบ้าน โดยมีกำหนดให้เริ่มทำนาเร็วขึ้น 1 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน - มิถุนายน และต้องเก็บเกี่ยวให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม ก่อนกรมชลประทานจะผันน้ำให้ท่วมบริเวณบางระกำโมเดลในเดือนสิงหาคม แต่เนื่องจากพื้นที่ในเขตชลประทานและนอกเขตการดูแลของชลประทานที่มีเขตพื้นที่ติดกันย่อมได้รับผลกระทบพร้อมกัน อีกทั้ง พื้นที่นอกเขตชลประทาน ในช่วงที่กำหนดเริ่มทำนา

            ในเดือนเมษายนเป็นช่วงก่อนฤดูทำนาตามปกติ ส่งผลให้พื้นที่นอกเขตชลประทานจะไม่มีน้ำสำหรับทำนาจากกรมชลประทานเช่นเดียวกับพื้นที่ในเขตชลประทานดูแล รวมถึงเกษตรกรไม่สามารถทำนาตามฤดูกาลปกติ เนื่องจากไม่ทันต่อรอบการผันน้ำให้ท่วมพื้นที่เกษตรกรรม หรือแม้กระทั่งนโยบายการช่วยเหลือให้เกษตรกรทำอาชีพประมงแทนโดยการปล่อยปลาในพื้นที่โครงการ แต่ข้อเท็จจริงพบว่าพันธุ์ปลาที่ปล่อยมีลักษณะการอาศัยอยู่บริเวณน้ำตื้น พื้นที่น้ำท่วมลึกจะไม่สามารถหาปลาทำอาชีพประมงได้ โดยมีข้อเสนอจากเวทีที่สำคัญหนึ่ง คือการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีความใกล้ชิดประชาชนที่สุดให้บริหารจัดการความช่วยเหลือและงบประมาณพื้นที่อย่างทันท่วงที จากนั้นผู้แทนสภาองค์กรชุมชนได้มอบเอกสารข้อเสนอต่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ตำบลบางระกำที่คุกคามสิทธิชาวนาจากการจัดการบริหารน้ำของกรมชลประทานให้แก่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)

            วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะ ได้ประชุมหารือร่วมกับนายทรงพล  วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ณ ห้องประชุมพระพุทธชินราช ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ในเรื่อง การบริหารจัดการน้ำและภัยพิบัติจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีการหารือในประเด็นที่น่าสนใจ เช่น การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบนอกเขตพื้นที่ชลประทาน “โครงการบางระกำโมเดล” ซึ่งยังมีช่องว่างในการบูรณาการทำงานระหว่างส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ “โครงการบางระกำโมเดล” จากนโยบายและโครงการของรัฐ แต่ซึ่ง กสม. จะนำประเด็นดังกล่าวไปหารือร่วมกับส่วนราชการส่วนกลางที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ข้อเสนอแนะปรับปรุงกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

            กิจกรรมดังกล่าวสืบเนื่องจาก กสม. ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ในการจัดทำข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยในปี 2568 มีนโยบายจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มุ่งประเด็นภัยพิบัติและการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งปัญหาดังกล่าวมีความชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา กสม. จึงมีกำหนดลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นและข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนกลาง และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 5 ภูมิภาค คือ 1) จังหวัดเชียงราย 2) จังหวัดปัตตานี 3) จังหวัดพิษณุโลก 4) จังหวัดอุบลราชธานี 5) จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก มีประเด็นสำคัญที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารจัดการน้ำโดยนโยบายของรัฐ “โครงการบางระกำโมเดล”

เลื่อนขึ้นด้านบน