กสม. ประชุมรับฟังข้อมูล ข้อคิดเห็น เกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อใช้ประกอบการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

22/05/2568 193

            เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุม 606 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (สำนักงาน กสม.) และการประชุมทางไกลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบออนไลน์ (Zoom meeting) ผศ. สุชาติ  เศรษฐมาลินี และนางสาวปิติกาญจน์  สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วย นางสาวรตญา  กอบศิริกาญจน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายสุเรนทร์  ปะดุกา ผู้อำนวยการสำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคใต้ และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคใต้ จัดประชุมรับฟังสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และประธานกรรมการมูลนิธิสถาบันการจัดการวิถีพุทธเพื่อสุขและสันติ นายดนัย  มู่สา ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิทธิมนุษยชนศึกษา รศ.ดร.มารค  ตามไท อาจารย์ประจำสาขาการสร้างสันติ มหาวิทยาลัยพายัพ ผศ.ดร. พัทธ์ธีรา  นาคอุไรรัตน์ อาจารย์ประจำสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ผศ.ดร.อาทิตย์  ทองอินทร์ อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ผศ.ดร.สุทธิศักดิ์  ดือเระ อาจารย์ประจำคณะวิทยาการอิสลาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นายพยุงศักดิ์  กาฬมิค ผู้อำนวยการสำนักงานยุติธรรมจังหวัดยะลา นายสิโรตม์  บุญประเสริฐ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และนายรักชาติ  สุวรรณ์ นายกสมาคมเพื่อสันติภาพและการพัฒนา โดยผู้เข้าร่วมประชุมได้มีความเห็น ดังนี้

            1. สาเหตุของปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สาเหตุหนี่ง เกิดจากภาครัฐกับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าใจ “สันติภาพ” ต่างกัน โดยรัฐมีทัศนะว่า สันติภาพ คือ พื้นที่ที่มีความสงบ และไม่มีการแสดงออกเชิงอัตลักษณ์มากเกินไป แต่ประชาชนในพื้นที่เข้าใจว่า สันติภาพคือ การมีเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิด และมีสิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเอง (Right to Self-Determination) นำไปสู่การอ้างความชอบธรรมในการละเมิดสิทธิมนุษยชนระหว่างกัน เช่น รัฐละเมิดสิทธิมนุษยชนเพื่อรักษาความสงบ การละเมิดสิทธิมนุษยชนเพื่อปกป้องความฝันของชุมชน

            กรณีหน่วยงานความมั่นคงปิดกั้นการเคลื่อนไหวของนักสิทธิมนุษยชน ถือเป็นการสร้างความรุนแรงแบบใหม่ ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องความเชื่อและการให้คุณค่ากับสิทธิมนุษยชนที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงเสนอแนะให้ กสม.จัดเวทีเพื่อสร้างความเข้าใจเรื่อง สันติภาพและมิติที่สมดุลระหว่างความมั่นคงกับสิทธิมนุษยชน 

            2. เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เกิดช่องว่าง เกิดความไม่ไว้วางใจกันระหว่างประชาชนในพื้นที่ อีกทั้ง การดำเนินนโยบายของรัฐที่มีความไม่เป็นธรรมในการช่วยเหลือเยียวยา ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติระหว่างบุคคล ดังนั้น การจัดโครงการ หรือกิจกรรมของส่วนราชการในพื้นที่ต้องมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนไปสู่สันติภาพ เกิดความสันติสุขของประชาชนในพื้นที่ ไม่สร้างความรู้สึกแบ่งแยกระหว่างประชาชน

            3. ปัจจุบันรัฐยังไม่มีเอกภาพทางความคิดในการกำหนดนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้   อีกทั้ง ส่วนราชการในพื้นที่มีปัญหาการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ขาดการสื่อสารสร้างความเข้าใจ สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยหน่วยงานของรัฐ  ประชาชนสะท้อนว่า กลไกการเยียวยาของรัฐที่ทำให้ผู้ได้รับผลกระทบเข้าไม่ถึงสิทธิในการเยียวยาอย่างครอบคลุมและเป็นธรรม

            4. เสนอแนะให้ กสม. ส่งเสริมให้ส่วนราชการ และภาคประชาสังคม จัดกิจกรรมในรูปแบบการเปิดพื้นที่กลางแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสริมสร้างความเข้าใจในพื้นที่ เพื่อสร้างบรรยากาศการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

            ทั้งนี้ สำนักงาน กสม. โดยสำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคใต้ จะนำความเห็นและข้อเสนอแนะจากที่ประชุม เป็นข้อมูลประกอบการจัดโครงการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้กับพุทธศาสนิกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน