กสม. ประชุมรับฟังข้อเท็จจริงและหารือแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดนในแม่น้ำสายและแม่น้ำกก เตรียมจัดทำข้อเสนอแนะไปยัง ครม.

03/05/2568 432

               เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.30 น. นางสาวศยามล ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมรับฟังข้อเท็จจริงและหารือเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดนในแม่น้ำสายและแม่น้ำกก ร่วมกับผู้แทนหน่วยงานของรัฐ ภาคประชาชน และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมควบคุมมลพิษ กรมประมง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กองทัพภาคที่ 3 สภาความมั่นคงแห่งชาติ คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย-เมียนมา ผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (AICHR) มูลนิธิบูรณะนิเวศ สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต นักวิชาการ และนักสื่อสารมวลชน โดยมีที่ปรึกษาประจำ กสม. ผู้บริหาร และผู้ทรงคุณวุฒิของ สำนักงาน กสม. ร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วย ณ ห้องประชุม 704 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (สำนักงาน กสม.) และผ่านระบบออนไลน์

               ในการนี้ ประชุมได้แลกเปลี่ยนสถานการณ์ปัญหามลพิษในแม่น้ำสายและแม่น้ำกกและผลกระทบต่อประชาชน การดำเนินการแก้ไขปัญหาตามกฎหมาย การประสานความร่วมมือกับประเทศเมียนมา รวมทั้งความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา รวมทั้งการรับมือกับปัญหา สารพิษในแม่น้ำสายและแม่น้ำกก เพื่อประกอบการจัดทำข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดนเสนอกรณีดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรี

               การรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวสืบเนื่องจาก ในปี 2568 กสม. มีนโยบายขับเคลื่อนการคุ้มครองและส่งเสริมการตระหนักรู้เรื่องสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีและเห็นควรหยิบยกเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ภัยพิบัติ และสิทธิในน้ำ เพื่อศึกษาและจัดทำข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2568 คณะทำงานขับเคลื่อนประเด็นสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีได้ลงพื้นที่และรับฟังความคิดเห็นร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ณ จังหวัดเชียงราย เพื่อถอดบทเรียนเหตุการณ์อุทกภัยเมื่อปี 2567 ในอำเภอแม่สายซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติรุนแรงและได้รับผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยได้รับทราบข้อมูลปัญหาเรื่องคุณภาพน้ำและมลพิษข้ามพรมแดนจากการปนเปื้อนของสารเคมีในแม่น้ำสายและแม่น้ำกกซึ่งมีต้นกำเนิดจากจากเหมืองแร่และเหมืองทองในประเทศเมียนมา อันส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการบำบัดน้ำในระบบประปาให้สามารถใช้ได้ตามปกติ ซึ่งรัฐบาลมีความจำเป็นต้องเร่งให้การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดนดังกล่าว โดยหลังจากนี้ กสม. มีแผนลงพื้นที่แม่น้ำสายและแม่น้ำกกตลอดจนรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ต่อไป

 

เลื่อนขึ้นด้านบน