ศาสตราจารย์ ดร. ชินอิจิ อาโกะ เข้าพบประธาน กสม. แลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน

21/02/2568 207

               วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.30 น.  ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศชาวญี่ปุ่น ศาสตราจารย์ ดร. ชินอิจิ อาโกะ (Professor Dr. Shin-ichi Ago) เข้าพบประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พรประไพ กาญจนรินทร์ ที่ปรึกษาประจำ กสม รัตติกุล จันทร์สุริยา เลขาธิการ กสม. หรรษา หอมหวล และรองเลขาธิการ กสม. ภาณุวัฒน์ ทองสุข เพื่อหารือประเด็นบทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในไทย และประเด็นธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (BHR) ตามหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGPs)

               ในการประชุมดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทของ กสม. ไทย ในการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในภาพรวม รวมถึงการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจปฏิบัติตามหลัก UNGPs และแผนปฏิบัติการแห่งชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (NAP) โดยเฉพาะในด้านการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ รวมถึงแนวทางการพัฒนาและผลักดันกลไกร้องทุกข์ที่ไม่ใช่กระบวนการยุติธรรมของรัฐ (Non-State-Based Grievance Mechanisms) เพื่อให้ผู้ได้รับผลกระทบสามารถเข้าถึงการเยียวยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงความท้าทายในการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนของโครงการพัฒนาและการลงทุนขนาดใหญ่ ตลอดจนแนวทางในการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจดำเนินกิจการโดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนมากขึ้น

               ศาสตราจารย์ ดร. อาโกะ ให้ความสนใจต่อบทบาทของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะบทบาทของ กสม. ไทย ในการให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อรัฐบาลและการติดตามผลข้อเสนอแนะของ กสม. ผ่านเครือข่ายและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพื่อให้เกิดการตอบสนองจากภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงแนวทางการดำเนินการและประสบการณ์ของ กสม. ในการปรับการรับรองสถานะสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจากระดับ B เป็นระดับ A ตามกระบวนการประเมินของ GANHRI นอกจากนี้ ได้ชื่นชมระบบการจัดเก็บสถิติของ กสม. ไทย ซึ่งสามารถสะท้อนแนวโน้มสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยระบบดังกล่าวไม่เพียงแต่ช่วยให้สามารถติดตามและวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนานโยบายและแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมต่อไป

               การหารือดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนในระดับนานาชาติ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า ความร่วมมือระหว่างนักวิชาการและสถาบันสิทธิมนุษยชนเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนามาตรฐานและแนวปฏิบัติที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยจะมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในประเด็นนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน