ประธาน กสม. หารือกับผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิในสุขภาพ

20/02/2568 467

          เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.20 น. ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พรประไพ  กาญจนรินทร์ พร้อมด้วยนายวสันต์  ภัยหลีกลี้ นางปรีดา  คงแป้น นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ นางสาวสุภัทรา  นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นางรัตติกุล  จันทร์สุริยา ที่ปรึกษาประจำ กสม. นางสาวหรรษา หอมหวล เลขาธิการ กสม. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. ให้การต้อนรับ Dr. Tlaleng Mofokeng ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิในสุขภาพ (Special Rapporteur on the right of everyone to the enjoyment of the highest attainable standard of physical and mental health) ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 18 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อหารือในประเด็นบทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในไทย และประเด็นสิทธิในสุขภาพ โดยในการเยือนครั้งนี้ Dr. Tlaleng Mofokeng จะหารือกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรอิสระ ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ เรื่องสถานการณ์และความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิในสุขภาพ เพื่อรวบรวมข้อมูลและจัดทำรายงานเสนอต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) ในการประชุมสมัยที่ 62 ในเดือนมิถุนายน 2568

          ทั้งสองฝ่ายได้หารือและแลกเปลี่ยนมุมมองและความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ได้แก่ 1) บทบาทและหน้าที่ของ กสม. ในการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคน รวมถึงกลุ่มเปราะบางต่าง ๆ ตลอดจนการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับประเด็นด้านสุขภาพและการมีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาล 2) สถานการณ์สิทธิในสุขภาพของไทย อาทิ ความครอบคลุมของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal health coverage: UHC) ความเหลื่อมล้ำของสิทธิประโยชน์ของระบบหลักประกันสุขภาพต่าง ๆ การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมต่อสุขภาพ เช่น ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือชีวมวล การกำจัดกากอุตสาหกรรมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การปนเปื้อนของสารปรอทจากโรงงานอุตสาหกรรมในแหล่งน้ำส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ สิทธิในสุขภาพของแรงงานข้ามชาติ เช่น การขาดเอกสารยืนยันตัวตนทำให้เข้าไม่ถึงระบบหลักประกันสุขภาพ ความไม่เข้าใจในขั้นตอนการขอเอกสารยืนยันตัวตนของคนไร้สัญชาติ และสิทธิในสุขภาพในสถานที่คุมขัง เช่น มาตรฐานทางสุขอนามัย การเข้าถึงการรักษาพยาบาล และความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำและสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องกัก 3) การดำเนินงานที่ผ่านมาของ กสม. เช่น ข้อเสนอแนะส่งเสริมการเข้าถึงกรดโฟลิก (Folic Acid) การประสานการคุ้มครองหลายกรณีที่บริษัทเอกชนให้ผู้สมัครงานหรือลูกจ้างตรวจหาเชื้อ HIV ข้อเสนอแนะยกเลิกคำว่าโรคเอดส์และผู้ติดเชื้อเอชไอวี ในบัญชีโรค อาการ ภาวะอื่นใด หรือมีลักษณะต้องห้าม ที่ไม่ควรเป็นข้าราชการตำรวจ และข้อเสนอแนะให้แก้ไขร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยโรค พ.ศ. …. โดยนำชื่อ ‘โรคจิต (Psychosis) หรือโรคอารมณ์ผิดปกติ (Mood Disorders)’ ออกจากร่างกฎ ก.พ. ซึ่ง ครม. ได้นำข้อเสนอแนะดังกล่าวไปปฏิบัติแล้ว นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงช่องว่างทางนโยบายและการนำไปปฏิบัติ รวมถึงอุปสรรคในการเข้าถึงสิทธิในสุขภาพของคนทุกกลุ่มในประเทศไทย

          ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิในสุขภาพ กล่าวชื่นชมและสนับสนุนบทบาทของ กสม. ในการเสริมสร้างความร่วมมือกับภาครัฐและภาคประชาสังคมเพื่อคุ้มครอง ส่งเสริม และพัฒนาสิทธิในสุขภาพของประเทศไทย พร้อมทั้งยินดีรับข้อมูลสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อรวบรวมและจัดทำรายงานเสนอต่อ HRC เพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน