วันที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 09.00 – 12.00 น. ที่ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายไพโรจน์  พลเพชร ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคใต้ ประชุมรับฟังข้อเท็จจริงและหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา กรณีนักปกป้องสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐตรวจสอบเอกชนเข้าถือครองที่ดินของรัฐ เพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และให้จัดสรรกับประชาชนในพื้นที่ โดยมีหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ได้แก่ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมทั้งประชาชนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

          ในการประชุมดังกล่าว ประชาชนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้บอกเล่าถึงปัญหาและประเด็นร้องเรียนเกี่ยวกับการที่เอกชนเข้าถือครองที่ดินของรัฐ อันเป็นที่ดิน ส.ป.ก. และคาดว่ามีการขอออกโฉนดที่ดินทับซ้อนกับพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิทธิในการได้รับการจัดที่ดิน ส.ป.ก. ของประชาชน โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานีและสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. และรับที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงตามเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเพื่อให้ความจริงปรากฏ หากพบว่ามีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็จะดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป ทั้งนี้ สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคใต้ได้ประสานให้ประชาชนที่ประสงค์ขอรับการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ให้ดำเนินการยื่นคำขอต่อสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนต่อไป

          ต่อมาในเวลา 13.00 – 15.30 น. กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะ ได้ประชุมรับฟังข้อเท็จจริงและหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ได้แก่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานประมงจังหวัด นายอำเภอท่าชนะ นายอำเภอท่าฉาง อำเภอพุนพิน อำเภอกาญจนดิษฐ์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

          ในการประชุมดังกล่าว ประชาชนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้บอกเล่าถึงปัญหาและการเข้าไม่ถึงการเยียวยาตามหลักเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สะท้อนข้อเท็จจริงการปฏิบัติงานในพื้นที่ และเห็นตรงกันว่าหลักเกณฑ์การเยียวยาเบื้องต้น การเยียวยาความเสียหายสำหรับประมง เกษตร ปศุสัตว์ ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในพื้นที่ ไม่ครอบคลุมความเดือดร้อนของประชาชน มีข้อจำกัดเรื่องการรับรู้ เกณฑ์การพิจารณาของหน่วยงานแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน และไม่มีช่องทางการอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง จึงมีข้อเสนอแนะว่าควรมีการจำแนกความเดือดร้อนที่ได้รับทั้งทางตรงและทางอ้อมและกำหนดเกณฑ์กลาง และเกณฑ์เฉพาะให้ครอบคลุมความเดือนร้อนของประชาชน การจัดทำระบบข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบและช่องทางการช่วยเหลือ การบริหารระบบการจัดการ รวมถึงให้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งเยียวยา ทั้งนี้ สำนักงาน กสม. ภาคใต้จะรวบรวมข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อไป