สำนักงาน กสม. อีสาน จัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ กสม. อีสานสัญจร ครั้งที่ 3 หัวข้อ “ปฏิญญา UNDROP กับการแก้ไขปัญหาสิทธิของเกษตรกรในพื้นที่ภาคอีสาน”

22/09/2568 66

          เมื่อวันที่ 18 – 19  กันยายน 2568 ที่โรงแรมเจริญธานี จังหวัดขอนแก่น สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายสมัชชาคนจน จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ กสม. อีสานสัญจร หัวข้อ “ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของเกษตรกรและผู้ทำงานในชนบท (UNDROP) กับการแก้ไขปัญหาสิทธิของเกษตรกรในพื้นที่ภาคอีสาน” ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับปฏิญญา UNDROP และสิทธิของเกษตรกรซึ่งจะช่วยสร้างความรู้ ความเข้าใจ เพิ่มศักยภาพให้แก่เกษตรกรและสาธารณชนในการปกป้องสิทธิของตนเอง ตลอดจนเพื่อรับทราบสถานการณ์ปัญหา ผลกระทบ และข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาเรื่องสิทธิเกษตรกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและประสานการทำงานร่วมกันระหว่างกลุ่มเกษตรกร องค์กรภาคประชาสังคม และหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ภูมิภาค ในการนำหลักการสิทธิมนุษยชนที่ปรากฏในปฏิญญา UNDROP ไปผลักดันให้เกิดผลในทางไปปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วย เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนประเด็นต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้แทนหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการและอาจารย์จากสถาบันการศึกษา และสื่อมวลชน จำนวนรวม 65 คน

          การจัดกิจกรรมในวันแรก นางสาวศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นผู้กล่าวเปิดการสัมมนา จากนั้นจึงเข้าสู่ช่วงของการบรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วม โดยวิทยากรผู้มีความรู้และประสบการณ์ในหัวข้อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์สิทธิของเกษตรกร ได้แก่ 1) ที่มาและความสำคัญของภาคประชาชนต่อการขับเคลื่อนปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของชาวนาและผู้ทำงานในชนบท โดยนายบารมี  ชัยรัตน์ ผู้ประสานงานสมัชชาคนจน 2) ถอดรายละเอียดของปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของชาวนาและผู้ทำงานในชนบท และสถานการณ์สิทธิในภาคอีสาน โดยนายเอกอิศร์  ทองเนื้อดี หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมและเฝ้าระวังสถานการณ์สิทธิมนุษยชน และนายภพธรรม  สุนันธรรม ผู้อำนวยการสำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3) สถานการณ์ของเกษตรกรไทยที่ก้าวไปกับ FTA และ วิกฤตโลกร้อนที่ส่งผลต่อเกษตรกร โดยนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ จากมูลนิธิชีววิถี และนายสุรินทร์ อ้นพรม นักวิจัยอิสระ 4) นโยบายการพัฒนาในอีสานและผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมต่อพื้นที่เกษตร แรงงานข้ามชาติในภาคการเกษตรอีสาน และธุรกิจเกษตรพันธะสัญญา : โอกาสและความเป็นธรรมของเกษตรกร โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไชยณรงค์  เศรษฐเชื้อ จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ดร.คชษิณ  สุวิชา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และนายอุบล  อยู่หว้า จากเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืนภาคอีสาน และในช่วงท้ายได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนและสื่อสารถึงปัญหาที่กำลังประสบในพื้นที่ใน 4 ประเด็น คือ ที่ดิน ทรัพยากรน้ำ มลพิษกับสิ่งแวดล้อม และนโยบายทางการเกษตร ผ่านกิจกรรม “อิสานโสเหล่ ฮ้อมวงคุย” พร้อมทั้งระดมความคิดเห็นเพื่อแสวงหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ เจ้าหน้าที่จากสำนักเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ดำเนินการพูดคุยเพื่อรวบรวมข้อมูลและสรุปประเด็นที่สำคัญในแต่ละกลุ่มย่อยทั้งด้านปัญหาสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหา

          กิจกรรมในวันสุดท้าย เป็นการนำเสนอผลลัพธ์ของการระดมความคิดเห็นจากผู้ร่วมกิจกรรม จากนั้นเป็นช่วงของการอภิปรายเกี่ยวกับบทบาทของหน่วยงานภาครัฐที่จะเข้ามาร่วมในการแก้ไขปัญหาในประเด็นต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นกับเกษตรกร โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ได้แก่ นางสาววารุณี  รักษาผล ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำที่ 1 ขอนแก่น สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 4 นายมงคล  ธนะนาวานุกุล นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 10 นายสุรสิทธิ์  เคนพรม หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรจังหวัดขอนแก่น สำนักงานสภาเกษตรจังหวัดขอนแก่น นายทรงศักดิ์  โวหาร นักวิเคราะห์นโยบายและเเผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น และนายสรไกร  คำสุเรส ผู้แทนจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดขอนแก่น

          ทั้งนี้ สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะทำการรวบรวมข้อมูลสถานการณ์ประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมกับความเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากเวทีสัมมนา ไปใช้ในการประมวลสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเสนอคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป

เลื่อนขึ้นด้านบน