เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 เวลา 13.00 น. นายภาณุพันธ์  สมสกุล ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้รับมอบหมายจากเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมเป็นวิทยากรในเวทีเสวนา "ทราบแล้วเปลี่ยน…ได้ยินแล้วร่วมก้าวเดิน" เนื่องในกิจกรรมเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน: ประชากรกลุ่มเฉพาะ ครั้งที่ 3 ภายใต้แนวคิด “รวมพลังหุ้นส่วนสุขภาวะ ก้าวไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม” จัดโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับผู้แทนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กองทุนประชากรแห่งสหประชาติ (UNFPA) และผู้แทนภาคประชาสังคม ณ ห้องประชุม Grand diamond Impack Forum เมืองทองธานี

          ในวงเสวนาที่ปรึกษาสำนักงาน กสม. ได้นำเสนอบทบาทของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และสำนักงาน กสม. ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชน ซึ่งไม่จำกัดเพียงเฉพาะที่กำหนดไว้ในกรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมายภายในประเทศเท่านั้น แต่ครอบคลุมถึงมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากลใน 3 ภารกิจหลัก คือ 1) การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ซึ่งครอบคลุมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน การจัดทำข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเยียวยาอย่างเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน 2) การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน กสม. ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานด้านสิทธิมนุษยชน โดยทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การขับเคลื่อนประเด็นสิทธิมนุษยชนบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิผล รวมถึงการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนเพื่อสร้างพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชนในกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ และ 3) การเฝ้าระวังสถานการณ์สิทธิมนุษยชน เพื่อสะท้อนสถานการณ์ ปัญหา และอุปสรรคในการเข้าถึงสิทธิมนุษยชนของประชากรแต่ละกลุ่ม และมีข้อเสนอแนะเสนอต่อรัฐบาลและรัฐสภาเพื่อแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องต่อความต้องการของประชากรกลุ่มเฉพาะให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้กล่าวถึงเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์ของ กสม. ที่มุ่งผลลัพธ์ในการสร้างความตระหนักแก่ทุกภาคส่วนของสังคมเกี่ยวกับวัฒนธรรมการเคารพสิทธิมนุษยชน การจัดทำตัวชี้วัดด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อสะท้อนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย การทำหน้าที่งานด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการผลักดันให้สำนักงานส่วนกลาง และสำนักงานใน 3 ภูมิภาค ให้มีสมรรถนะในการทำงานที่เพิ่มขึ้น รองรับประชาชนเข้าใช้บริการของ กสม. ได้อย่างเต็มที่

          นอกจากนี้ ยังได้แลกเปลี่ยนการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายในการจัดกิจกรรมสมัชชาสิทธิมนุษยชน ซึ่งในปี 2568 จะจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 จะเป็นเวทีในการขับเคลื่อนประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนไปสู่การกำหนดนโยบายและแก้ไขปัญหาเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิมนุษยชนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการรับฟังเสียงสะท้อนจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ทรงสิทธิ และระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อจัดทำข้อมติสมัชชาฯ ที่มุ่งผลการพัฒนางานด้านสิทธิมนุษยชนให้มีความก้าวหน้าเสนอต่อรัฐบาล รวมถึงมีการติดตามและขับเคลื่อนข้อมติเพื่อให้นำไปสู่การกำหนดนโยบายและปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          ทั้งนี้ในช่วงท้าย ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของ กสม. ที่จะเป็นสะพานเชื่อมประสานระหว่างหน่วยงานภาครัฐและประชาชนเพื่อให้เข้าถึงสิทธิมนุษยชนได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม รวมถึงเป็นกระบอกเสียงในการสะท้อนปัญหาของประชากรกลุ่มต่าง ๆ ไปยังรัฐเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ซึ่งประชาชนสามารถเข้าถึงการให้บริการของ กสม. ได้ผ่านสายด่วน 1377 ซึ่งครอบคลุมบริการทั้งในส่วนของการรับเรื่องร้องเรียน การประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การให้คำปรึกษาด้านสิทธิมนุษยชน และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในงานสมัชชาสิทธิมนุษชน ครั้งที่ 4 ที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2568 นี้