เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2568 ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ได้รับการประสานงานจากเครือข่ายสหภาพคนทำงานต่างประเทศแห่งประเทศไทย เพื่อเดินทางลงพื้นที่ ณ ศาลาประชาคมบ้านชาติ ต.พุทไธสง อ.พุทไธสง จ. บุรีรัมย์ เพื่อรับฟังสถานการณ์ปัญหาแรงงานผู้เสียหายในพื้นที่ อ. พุทไธสงและพื้นที่ใกล้เคียงถูกหลอกลวงไปทำงานประเทศออสเตรเลีย จำนวนกว่า 250 คน โดยในเวทีดังกล่าวกลุ่มชาวบ้านผู้เสียหายได้บอกเล่าเหตุการณ์ กรณี ถูกบุคคลในหมู่บ้านแอบอ้างว่าเป็นข้าราชการในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง พูดให้หลงเชื่อว่าสามารถพาชาวบ้านในพื้นที่ไปทำงานภาคเกษตรกรรมในประเทศออสเตรเลียได้ โดยมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการคนละ 60,000 – 120,000 บาทขึ้นอยู่กับสัญญาในการทำงาน โดยจะเป็นผู้ดำเนินการจัดทำวีซ่า และดูแลการเดินทางต่าง ๆ และกำหนดนัดหมายเดินทางไปทำงานในวันที่ 4 มกราคม 2568 ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ซึ่งเมื่อถึงเวลานัดหมายกลับได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สนามบินว่าไม่มีข้อมูลการเดินทาง และภายหลังไม่สามารถติดต่อบุคคลดังกล่าวได้ จึงเชื่อว่าน่าจะถูกบุคคลดังกล่าวหลอกลวง จากนั้นกลุ่มผู้เสียหายได้เดินทางไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม และส่วนหนึ่งได้เดินทางกลับมาภูมิลำเนาเพื่อแจ้งความกับสถานีตำรวจในพื้นที่เสียหาย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันทั้งหมดได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากภาระหนี้สินที่เกิดขึ้นจากการกู้ยืมเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ จึงอยากให้มีการเร่งรัดการดำเนินคดีและจับกุมผู้เสียหาย เพื่อติดตามให้มีการชดใช้เงินที่ถูกหลอกลวงคืนโดยเร็ว

          ทั้งนี้ในเวที เจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้อธิบายเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ในการดำเนินงานด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในกรณีดังกล่าว รวมทั้งกระบวนการทำงานและแนวทางดำเนินการที่ผ่านมา ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในการประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีแรงงานเบอร์รีไทยในฟินแลนด์และสวีเดน ตลอดจนหน่วยงานในพื้นที่ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในขณะที่เครือข่ายสหภาพคนทำงานต่างประเทศแห่งประเทศไทย ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การต่อสู้ของแรงงงานเบอร์รีพร้อมช่องทางในการขอรับความช่วยเหลือกับหน่วยงานในพื้นที่เบื้องต้น โดยในเวทีได้มีการรวบรวมข้อมูลเอกสารหลักฐานรายละเอียดความเสียหายของแต่ละราย และกลุ่มแรงงานได้มีการจัดตั้งตัวแทนผู้เสียหายในแต่ละพื้นที่เพื่อประสานงานและยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้แทนสำนักงาน กสม. พื้นที่พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อขอให้สำนักงาน กสม. เข้ามาเป็นผู้ประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อติดตามให้เกิดความรวดเร็วในการดำเนินการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหา และอยากให้ กสม. เป็นตัวกลางในการประสานงานพูดคุยระดับนโยบายกับหน่วยงานในส่วนกลางและกระทรวงต่าง ๆ รวมไปถึงสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ของผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง เพื่อหาแนวทางคุ้มครอง เยียวยา และบรรเทาภาระหนี้สินของผู้เสียหายกลุ่มนี้โดยเร็ว และร่วมกันหามาตรการในระยะยาวโดยบูรณาการร่วมกันเพื่อป้องกันไม่ให้แรงงานในจังหวัดต่าง ๆ ถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวอีก

          จากนี้ กลุ่มแรงงานผู้เสียหายทั้งหมดจะได้มีการนัดหมายรวมตัวกันเพื่อเดินทางเข้าพบกับผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อแจ้งปัญหาความเดือดร้อนและขอให้มีการสั่งการให้หน่วยงาน หรือการจัดตั้งคณะทำงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือกลุ่มแรงงานผู้เสียหายที่ถูกหลอกดังกล่าวโดยเร็ว