วันที่ 14 ตุลาคม 2565 เวลา 09.15 น. นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้าร่วมงานรำลึก 14 ตุลาคม ประจำปี 2565 เนื่องในวาระครบรอบ 49 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ ในการนี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ร่วมวางพวงมาลาและกล่าวรำลึก สรุปว่า
เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์หน้าสำคัญที่สร้างผลสะเทือนต่อสังคมไทยโดยรวม ไม่เพียงแต่ขบวนการนักศึกษาเท่านั้น เป้าหมายใหญ่ของการเคลื่อนไหวและต่อสู้ของวีรชน 14 ตุลา คือการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ดีขึ้น มีความสมบูรณ์ขึ้น เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นในทุกมิติ
บนเส้นทางอันคดเคี้ยว จากวันนั้นสู่วันนี้ 49 ปีแล้ว หลายคนอาจมองว่าสังคมไทยยังไปไม่ถึงไหน แต่เชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่วีรชนทั้งที่เสียสละและยังมีลมหายใจอยู่จนถึงวันนี้ต้องการก็คือ การช่วยกันสานต่อเจตนารมณ์ 14 ตุลาต่อไป เพราะหากขาดซึ่งศรัทธาและการต่อยอดประวัติศาสตร์ ภารกิจที่จะนำพาสังคมไทยไปสู่เป้าหมายที่ต้องการก็จะขาดตอนและสูญหายไปกับกาลเวลา
เราทุกคนจึงต้องร่วมมือกันอย่างแข็งขัน เพื่อทบทวน และถอดบทเรียนประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเร่งสร้างสิ่งที่มีคุณค่าทั้งต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติ ในฐานะที่ผมทำหน้าที่ในองค์กรหลักด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศ อยากย้ำว่าสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค เป็นสิ่งที่ควรได้รับการสถาปนาไว้ในทั่วทุกแห่งหนของสังคม ขณะเดียวกันพลังของประชาชนก็นับว่ามีความสำคัญยิ่ง เพียงแต่ประชาชนตื่นรู้และตระหนักในสิทธิเสรีภาพของตนและเคารพในสิทธิของผู้อื่น ด้วยจิตใจและเจตจำนงเช่นนี้ ก็จะสามารถร่วมสรรค์สร้างและขับเคลื่อนเพื่อมุ่งไปสู่สังคมที่ดีขึ้นตามเจตนารมณ์ 14 ตุลา
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า เมื่อใดที่สังคมมีวัฒนธรรมแห่งการเคารพสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตยก็จะเบ่งบานในสังคมนั้น แต่เมื่อใดที่สังคมเต็มไปด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตยก็จะถูกลดทอนคุณค่าลง
ในนามของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอขอบคุณมูลนิธิ 14 ตุลา นการสานต่อแนวทางและจิตใจอันกล้าหาญของผู้เสียสละเหล่านั้น แม้ปัจจุบันเราต่างต้องผจญกับความท้าทายในหลากหลายรูปแบบ แต่มั่นใจว่า เราจะร่วมมือกันในการสานต่อและถักทอให้สังคมไทยดีขึ้นและเป็นสังคมประชาธิปไตยที่เคารพในสิทธิมนุษยชนได้อย่างแท้จริง