กสม. สุภัทรา เข้าร่วมงานกิจกรรม "แถลงข่าว และฉายหนังหนังสารคดี : เมื่อการข้ามเพศ ต้องได้รับการคุ้มครองจากรัฐ"

20/10/2565 158
วันที่ 19 ตุลาคม 2565 นางสาวสุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้าร่วมงานกิจกรรม "แถลงข่าว และฉายหนังสารคดี : เมื่อการข้ามเพศ ต้องได้รับการคุ้มครองจากรัฐ" จัดโดย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชาติ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โครงส่งเสริมสุขภาวะ และลดช่องว่างในการเข้าถึงบริการสุขภาพของคนข้ามเพศในประเทศไทย (T-HAT) มูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ณ ห้องเอนกประสงค์ ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ในการนี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้กล่าวเปิดกิจกรรมร่วมกับ คุณชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. โดยกล่าวว่า การข้ามเพศและสิทธิของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ให้ความสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิมนุษยชนถือเป็นความจำเป็นด้านสุขภาพของกลุ่มคนที่มีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด ซึ่งในอดีตสังคมไทยมีความเข้าใจและมองว่า "การข้ามเพศ" เป็นเพียงเรื่องของความสวยงาม แต่ปัจจุบันมีพัฒนาการในเรื่องนี้ที่ดีขึ้น โดยเป็นไปตามหลักการ "การกำหนดเจตจำนงค์ของตนเอง" (Self - Determination) และเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานซึ่งรัฐควรจัดการดูแลการข้ามเพศของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการบริการทางสุขภาพ และต้องดำเนินการโดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ตีตรา รวมถึงการแสดงอคติต่อผู้รับบริการ ซึ่งในเรื่องนี้ต้องอาศัยความร่วมมือในการสร้างความรู้ความเข้าใจและการผลักดันจากทุกภาคส่วนของสังคมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อไป
ทั้งนี้ กิจกรรมในงานประกอบด้วย การบรรยายในเรื่อง นโยบายของ กทม. ต่อการพัฒนาสุขภาวะของผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดย รองศาสตราจารย์ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งกล่าวว่า กทม. มีการเปิดนำร่อง “คลินิกสุขภาพเพศหลากหลายกรุงเทพมหานคร (BKK Pride Clinic)” จำนวน 11 แห่ง ในพื้นที่ 6 กลุ่มเขต ได้แก่ กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ กรุงเทพกลาง กรุงเทพใต้ กรุงเทพตะวันออก กรุงธนเหนือ กรุงธนใต้ และจะเพิ่มเป็น 21 แห่งภายในปี 2565
นอกจากนี้ มีกิจกรรมการฉายภาพยนตร์หนังสารคดี : เมื่อการข้ามเพศ ต้องได้รับการคุ้มครองจากรัฐ" จำนวน 2 เรื่อง คือ 1) “ทรานซ์วัยเก๋า ห้ามป่วย ห้ามเหงา ห้ามเศร้าลำพัง” ซึ่งมีเนื้อหาสะท้อนถึงต้นทุนในการข้ามเพศของบุคคลข้ามเพศที่อยู่ห่างไกล และยังไม่ได้เข้าถึงสวัสดิการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการผู้สูงอายุ และ 2) เรื่อง “ข้ามเพศ” ซึ่งมีเนื้อหาสะท้อนถึงการแปลงเพศ ด้านสุขภาพ และสาธารณะสุขที่ไม่ได้รับการบริการ เพราะเหตุผลเพียงการข้ามเพศ คือการเสริมความงาม ดังนั้น เมื่อต้องการแปลงเพศส่วนใหญ่จึงต้องหาซื้อฮอร์โมนกินเองตามท้องตลาดหรืออินเทอร์เน็ต จึงส่งผลให้เกิดการได้รับฮอร์โมนเกินขนาดหรือผิดวิธีมีความเสี่ยงทางสุขภาพ เพราะคนข้ามเพศถูกสั่งให้ไม่ได้เลือก
การเสวนาวิชาการ เรื่อง “ทำไมเมื่อต้องข้ามเพศ ต้องได้รับการคุ้มครองจากรัฐ” การเสวนาดังกล่าวสะท้อน การเข้าถึงการเข้ารับการบริการสุขภาพเพื่อการข้ามเพศ บุคคลข้ามเพศต้องเข้าถึงข้อมูลการเปลี่ยนแปลงร่างกาย พร้อมทั้งต้องสนับสนุนให้ทุกคนเข้าถึงการบริการทางเพศได้โดยเป็นธรรม โดยมี คุณพักตร์วิไล สหุนาฬุ ตัวแทนชุมชนคนข้ามเพศ คุณตฤณ พัฒนเวโรจน์ ตัวแทนชุมชนคนข้ามเพศ คุณฐิติญานันท์ หนักป้อ ผู้อำนวยการมูลนิธิซิสเตอร์ และผศ.ภญ.ดร.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นผู้ร่วมเสวนา ดำเนินรายการโดย ดร.ชเนตตี ทินนาม คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กิจกรรมการมอบข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อส่งเสริมสุขภาพและลดช่องว่างการบริการสำหรับบุคคลข้ามเพศ ต่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร โดย คุณณชเล บุญญาภิสมภาร ผู้รับผิดชอบโครงการส่งเสริมสุขภาวะและลดช่องว่างในการเข้าถึงบริการสุขภาพของคนข้ามเพศในประเทศไทย
เลื่อนขึ้นด้านบน