เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 เวลา 09.00 น. นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช  กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายพิทักษ์พล บุณยมาลิก เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  และนายพิทยา  จินาวัฒน์ ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประชุมแนวทางการพัฒนากระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีการทรมาน ร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ  ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ตลอดจนนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิ ณ ห้องประชุม 709 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
          การประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ และความเห็นในการแก้ปัญหาการซ้อมทรมาน จากหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ด้วยการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานหรือนิติเวช ในกรณีการซ้อมทรมาน พร้อมทั้งผลักดันร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. และสนับสนุนการเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Optional Protocol CAT: OP- CAT) 
          ทั้งนี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกล่าวในการประชุมว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ติดตามสถานการณ์การทรมานและการปฏิบัติที่ทารุณโหดร้ายระหว่างการควบคุมตัวอันเป็นประเด็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทางอาญามาโดยตลอด เนื่องจากการทรมานเป็นประเด็นปัญหาสำคัญที่ละเมิดสิทธิในชีวิตและร่างกาย สิทธิในกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยจากสถิติเรื่องร้องเรียนพบว่ามีกรณีกล่าวอ้างว่ามีการละเมิดสิทธิในชีวิตและร่างกาย กรณีการซ้อมทรมานและทำร้ายร่างกายระหว่างถูกควบคุมตัวในระหว่างปี 2554 – 2565 จำนวน 115 เรื่อง แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ดังกล่าวดำรงอยู่มาอย่างยาวนานและยังไม่มีแนวโน้มที่จะคลี่คลาย โดย พิจารณาประเด็นปัญหาดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องใน 2 ประเด็น คือ แนวทางพัฒนากระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีการทรมาน และแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ หรือนิติเวชในกรณีการตรวจสอบการทรมาน
          ทั้งนี้ กสม.จะได้ดำเนินการจัดอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะแพทย์ทางจิตเวช ในการปฏิบัติหน้าที่ให้สอดคล้องกับกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนภายใต้กรอบพิธีสารอิสตันบูล เพื่อแก้ไขปัญหาการทรมานอย่างเป็นระบบและมีข้อสรุปที่เหมาะสมในการจัดทำข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน อันเป็นหน้าที่และอำนาจตามมาตรา ๒๔๗ (๓) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560