กสม.เข้าร่วมการประชุม UN Forum เรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนประจำปี ๒๕๕๙
การประชุม UN Forum เรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนเป็
นเวทีสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้
องจากทุกภาคส่วนในการหารือเกี่
ยวกับแนวโน้มและความท้
าทายในการปฏิบัติตามหลักการชี้
แนะเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุ
ษยชนของสหประชาชาติ ซึ่งได้รับการรับรองโดยคณะมนตรี
สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเมื่
อเดือนมิถุนายน ๒๕๕๔ นอกจากนี้ UN Forum ยังเป็นเวทีในการส่งเสริมความร่
วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ ในประเด็นที่เกี่ยวกับธุรกิจกั
บสิทธิมนุษยชนด้วย การประชุม UN Forum จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
โดยคณะทำงานเรื่องธุรกิจกับสิ
ทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุ
ษยชนแห่งสหประชาชาติ (Office of the High Commissioner for Human Rights - OHCHR) การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุ
มครั้งที่ ๕ โดยเน้นประเด็นหลักดังนี้
๑) ผลักดันให้รัฐเร่งรัดการปฏิบัติ
ตามหลักการชี้แนะของสหประชาชาติ
เรื่องสิทธิมนุษยชนสำหรับธุรกิจ (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights - UNGP) ทั้งในด้านนโยบายการออกกฎหมาย และบังคับใช้โดยประเด็นที่เป็
นข้อห่วงกังวล ได้แก่ การดำเนินภารกิจของรัฐที่เกี่
ยวข้องกับธุรกิจ เช่น งานของรัฐวิสาหกิจ การจัดซื้อจัดจ้างสาธารณะ การดำเนินงานของสถาบันการเงิน
๒) ภาคธุรกิจต้องใช้ความเป็นผู้
นำและผลักดันให้เกิดการเคารพสิ
ทธิมนุษยชนในสายงานการผลิต โดยเริ่มตั้งแต่บริษัทแม่ ผู้ผลิต และจัดหา (supplier) สถาบันการเงิน
๓) การเคารพสิทธิมนุษยชนเป็นหั
วใจของการดำเนินธุรกิจที่มุ่
งไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนที่
ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
๔) ทุกภาคส่วนจะต้องเร่งพยายามปรั
บปรุงกลไกและช่องทางในการเยี
ยวยาผู้ที่ตกเป็นเหยื่
อของการละเมิดสิทธิมนุษยชนพร้
อมกับดำเนินมาตรการที่เป็นรู
ปธรรมในการคุ้มครองบุคคลเหล่านี้
โดยเฉพาะผู้ที่ตกอยู่
ในสถานการณ์เปราะบาง
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นำโดยนายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่
งชาติ นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนางภิรมย์ ศรีประเสริฐ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุ
ษยชนแห่งชาติ เข้าร่วมการประชุม UN Forum ประจำปี ๒๕๕๙ ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ สำนักงานสหประชาชาติ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เพื่อรับทราบแนวทางเกี่ยวกั
บการจัดทำแผนปฏิบัติการระดั
บชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุ
ษยชนของประเทศต่างๆ และนำมาปรับใช้ในการจัดทำแผนปฏิ
บัติการระดับชาติของไทย เพื่อกำหนดแนวทางดำเนินการทั้
งของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการนำหลักการชี้
แนะไปปฏิบัติให้เกิดผล ทั้งนี้ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จะเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิ
ดชอบการจัดทำแผนดังกล่าว โดยมี กสม. เป็นหน่วยสนับสนุน สิ่งสำคัญในการจัดทำแผนปฏิบัติ
การระดับชาติเรื่องธุรกิจกับสิ
ทธิมนุษยชน คือ การจัดให้มีกระบวนการหารือกับทุ
กภาคส่วนที่เกี่ยวข้องไม่ว่
าจะเป็นหน่วยงานของรัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ตัวแทนฝ่ายลูกจ้าง/สหภาพแรงงาน ภาคประชาสังคม นักวิชาการ กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบด้านสิทธิ
มนุษยชนจากการประกอบธุรกิจ ตลอดจนสมาชิกรัฐสภาและฝ่ายตุ
ลาการ ซึ่งมีหน้าที่
ในการตรากฎหมายและการบังคับใช้
กฎหมาย โดยเฉพาะในเรื่องของการเยี
ยวยาผู้ได้รั
บผลกระทบจากการประกอบธุรกิจ
ทั้งนี้ ในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ระหว่างการประชุม UN Forum กสม. ได้พบหารือกับนาย Livio Sarandrea ผู้แทน UNDP พร้อมด้วยผู้แทนจากกรมคุ้
มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เกี่ยวกับแนวทางในการจั
ดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้
วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของไทย เช่น การทำการศึกษาสถานการณ์เกี่ยวกั
บธุรกิจกับสิทธิมนุ
ษยชนของไทยในปัจจุบัน (Baseline assessment) เพื่อให้ทราบว่าได้มีการปฏิบัติ
ที่สอดคล้องกับหลักการชี้
แนะของสหประชาชาติมากน้อยเพี
ยงใด โดยจะนำผลการศึกษาไปใช้
ประกอบการจัดทำแผนปฏิบัติ
การระดับชาติ รวมถึงการจัดสัมมนาเพื่อส่งเสริ
มให้ภาคส่วนต่างๆ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกั
บหลักการชี้แนะเพื่อประโยชน์
ในการมีส่วนร่วมในกระบวนการจั
ดทำแผนปฏิบัติการระดับชาติ และในการนำหลักการชี้แนะไปปฏิบั
ติ ทั้งนี้ UNDP แจ้งว่าพร้อมให้การสนับสนุนด้
านวิชาการ และด้านอื่นๆ แก่ประเทศไทยในเรื่องนี้ ซึ่งจะได้มีการหารือในรายละเอี
ยดต่อไป
นอกจากนี้ การเข้าร่วมประชุม UN Forum ยังทำให้ กสม. ได้รับทราบแนวปฏิบัติที่ดี
ของประเทศต่างๆ ในการนำหลักการชี้แนะไปใช้
โดยภาคธุรกิจเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่
องการทำการประเมินผลกระทบหรื
อความเสี่ยงด้านสิทธิมนุ
ษยชนในการดำเนินธุรกิจในด้านต่
างๆ เช่น ด้านสิทธิแรงงาน รวมถึงการใช้แรงงานบังคั
บและการค้ามนุษย์ และผลกระทบของการประกอบอุ
ตสาหกรรมต่อชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้
ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น อุตสาหกรรมเหมืองแร่และพลังงาน เป็นต้น ในขณะเดียวกัน การนำหลักการชี้แนะไปใช้ยังมี
ความท้าทายหลายประการที่ภาคส่
วนต่างๆ ต้องร่วมมือกันแสวงหาทางออกเพื่
อให้การปฏิบัติตามหลักการชี้
แนะเกิดผลและคุ้มครองสิทธิ
ของประชาชนได้อย่างจริงจังต่อไป
การประชุม UN Forum ครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุ
มจากหน่วยงานภาครัฐ ธุรกิจเอกชน สถาบันการเงิน ภาคประชาสังคม และหน่วยงานของสหประชาชาติ รวมทั้งสิ้นประมาณ ๒,๕๐๐ คน
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙