ตามที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แต่งตั้งให้ ศาสตราจารย์กิตติคุณวิทิต มันตาภรณ์ ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญอิสระของสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการสอบสวนความรุนแรงและ การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ และมีการเผยแพร่ข่าวดังกล่าวแล้ว นั้น
          นายวัส  ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  กล่าวว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญอิสระของสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการสอบสวนความรุนแรงและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ (Lesbian, Gay, Bisexual, Transgender, Intersex and Questioning : LGBTIQ) ศาสตราจารย์กิตติคุณ วิทิต  มันตาภรณ์  เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ และเป็นผู้ร่วมผลักดันให้เกิดวัฒนธรรมการเคารพสิทธิทางเพศ ทั้งในเวทีระดับประเทศ และระดับนานาชาติ โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมสำคัญในการพัฒนาหลักการยอร์กยากาตา ( The Yogyakarta Principles) อันเป็นหลักการตามกฎหมายว่าด้วยการใช้กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศในประเด็นวิถีทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ ที่มีผลผูกพันรัฐภาคีให้ปฏิบัติตามพันธกรณี เพื่อสร้างหลักประกันคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้ก้าวไปสู่ความเสมอภาค เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  มาตรฐานทางกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศในประเด็นวิถีทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ  กสม.ได้นำมาเป็นข้อมูลเอกสารทางวิชาการตั้งต้นในการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นความหลากหลายทางเพศเสมอมา  คุณูปการที่ศาสตราจารย์กิตติคุณ วิทิต มันตาภรณ์ ได้ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องนี้ ทาง กสม.ได้ยกย่องเชิดชูเกียรติโดยมอบรางวัลเกียรติยศ  “ผู้อุทิศตนเพื่อสิทธิมนุษยชน” ให้แก่ท่าน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๒  นายวัส ฯ  กล่าวเพิ่มเติม
          นายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิผู้สูงอายุ ผู้พิการ บุคคลหลากหลายทางเพศ และการสาธารณสุข เปิดเผยว่า สังคมไทยเปิดโอกาสและยอมรับการดำรงอยู่ของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ตามที่ปรากฏได้มีการออกพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งได้บัญญัติให้มีการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศไว้ด้วย  ดังนั้น ย่อมเป็นโอกาสอันดีที่ศาสตราจารย์กิตติคุณ วิทิต  มันตาภรณ์  ซึ่งถือเป็นผู้แทนของประเทศไทยได้รับการแต่งตั้งเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำงานระดับโลกเพื่อขับเคลื่อนงานด้านสิทธิมนุษยชนของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ อันจะทำให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในระดับสากลต่อไป