วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 ณ ห้องประชุม 703 มร. โธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟประจำประเทศไทย ได้เข้าพบและหารือกับ  นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม    ในรายละเอียดแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนในปี  ๒๕๖๐ - ๒๕๖๑  ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่ได้มุ่งเน้นให้เกิดการนำหลักการชี้แนะเรื่องสิทธิมนุษยชนสำหรับธุรกิจตามกรอบงานขององค์การสหประชาชาติในการคุ้มครอง  เคารพ  และเยียวยา  (UN Guiding Principles-UNGPs)  ถึงความเป็นไปได้ในความร่วมมือระหว่างยูนิเซฟประเทศไทยกับ  กสม.  ในเรื่อง  “ภาคธุรกิจและตลาดหลักทรัพย์กับการปกป้องสิทธิเด็กและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของเด็กในประเทศไทย”  โดยในการประชุมหารือนี้มีผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย   นายสันติ ศิริธีราเจษฎ์   เจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็ก  องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ  นางหรรษา  บุญรัตน์ ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  นายภูวดล วีรเวชพิสัย  ผู้อำนวยการสำนักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ   นางสาวนงเยาว์ อบสุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มงานคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และ ดร. สุธาดา เมฆรุ่งเรืองกุล เลขานุการกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อหารือร่วมกันด้วย  มีสาระสำคัญประกอบด้วยความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันเพื่อเสนอความคิดเห็นเพื่อบรรจุสาระสำคัญในการให้ภาคธุรกิจตระหนักถึงการคุ้มครองปกป้อง เคารพสิทธิเด็กในการยกร่างแผนปฏิบัติการชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน นอกจากนั้นทั้งทาง ยูนิเซฟประเทศไทย และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่างให้ความสำคัญกับธุรกิจท่องเที่ยวและการโรงแรมในเรื่องการตระหนักถึงการนำหลักการชี้แนะเรื่องสิทธิมนุษยชนสำหรับธุรกิจตามกรอบงานขององค์การสหประชาชาติในการคุ้มครอง เคารพ และเยียวยา (UN Guiding Principles-UNGPs) มาปฏิบัติใช้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะร่วมกันทำงานกับองค์กรธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมนี้ร่วมกันอย่างจริงจังต่อไป  โดยมีความเป็นไปได้ยูนิเซฟจะเข้ามาสนับสนุนการจัดงานประชุมวิชาการระดับภูมิภาคว่าด้วยเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะร่วมกับหน่วยงานร่วมจัดอีกหลายหน่วยงาน อาทิ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ และเครือข่าย UN Global Compact ประเทศไทยจัดขึ้นในปลายเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ นี้ ซึ่งรายละเอียดวามร่วมมือทั้งหมดจะมีการประชุมหารือกันในระดับปฏิบัติการในลำดับต่อไป