Sorry, your browser does not support JavaScript!
-
A A A
+
  • youtube
  • facebook
  • English Thai
ผลการดำเนินงาน View : 1158
เรื่อง การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... เพื่อคุ้มครองสิทธิชุมชน การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และสุขภาพที่ยั่งยืน
แถลงการณ์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เรื่อง การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... เพื่อคุ้มครองสิทธิชุมชน
การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และสุขภาพที่ยั่งยืน

        ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชน เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ว่าทางราชการจะไม่ต่ออายุการทำเหมืองแร่ทองคำ และภายในสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙ จะไม่มีการทำเหมืองแร่ทองคำ ทั้งการสำรวจแร่ทองคำและประทานบัตรทำเหมืองอีกต่อไป นั้น

          คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการทำเหมืองมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ กรณีเหมืองแร่ตะกั่วในบริเวณชุมชนชาวบ้านคลิตี้ จังหวัดกาญจนบุรี ถึงแม้ว่าศาลได้มีคำพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษดำเนินการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้  โดยใช้งบประมาณแผ่นดิน ๕๙๓ ล้านบาท จากงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๙ – ๒๕๖๑ ซึ่งใช้ระยะเวลาดำเนินการที่ยาวนานมากกว่า ๑๐ ปีหลังปิดเหมือง รวมถึงกรณีเหมืองสังกะสีบริเวณอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และกรณีเหมืองถ่านหิน อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูและชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่ยาวนานเช่นกัน ทั้งนี้ กสม.ได้มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ....หลายครั้ง พบว่า กลไกการมีส่วนร่วม ขั้นตอนวิธีการ การประเมินผล EIA การกำกับตรวจสอบตามเงื่อนไขเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิต ยังอาจมีข้อจำกัดทั้งในแง่กฎหมายและวิธีปฏิบัติในการบูรณาการของหลายหน่วยงาน ตลอดจนกลไกในการปกป้อง คุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนในพื้นที่ยังมีไม่เพียงพอ

         กสม. ซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทและหน้าที่ในการส่งเสริมการเคารพและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน ปกป้องสิทธิเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย จึงมีข้อเสนอดังนี้

         ๑. ขอชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่ใช้ภาวะผู้นำอนุมัติให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามกฎหมาย  ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และบูรณาการส่วนราชการต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามมติร่วมกันของ ๔ กระทรวงที่ให้ (๑) ยุติการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำ และประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำ รวมถึงคำขอต่ออายุประทานบัตรด้วย (๒) ในกรณีของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ให้ต่อใบอนุญาตประกอบโลหกรรมจนถึงสิ้นปี พ.ศ.๒๕๕๙ เพื่อให้สามารถนำแร่ที่เหลืออยู่ไปใช้ประโยชน์ได้ พร้อมทั้งให้บริษัทอัคราฯ เร่งดำเนินการปิดเหมืองและฟื้นฟูพื้นที่ และ(๓)ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลประชาชนและบรรเทาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังที่สิ้นสุดการประกอบกิจการเหมืองแร่และโลหกรรมของบริษัทอัคราฯ

        ๒. ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก นำบทเรียนกรณีการจัดการทรัพยากร สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของประเทศไทย พ.ศ.๒๕๕๘ – พ.ศ.๒๕๖๓ นโยบายวางแนวทางการพัฒนาและปฏิรูปให้เกิดความต่อเนื่อง ความมั่นคง คือ ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ใช้ความรุนแรง ความมั่งคั่ง คือ ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามสมควรแก่ฐานะเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับตลาดโลก มีการบริหารจัดการภายในประเทศอย่างบูรณาการ และความยั่งยืน คือการคำนึงถึงความเหมาะสม คุ้มค่า ในทุกมิติ และสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ไม่เป็นเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา

        ทั้งนี้   กสม. จะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด  และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า  รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ....ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ  ทั้งนี้ เพื่อสร้างกลไกป้องกันมิให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมดั่งเช่นที่ผ่านมา อันจะนำมาซึ่งความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนต่อไป         
                           
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๑๓ พฤษภาคม  ๒๕๕๙    

 

13/05/2559

© 2015 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเเห่งชาติ. All Right Reserved.
นโยบายเว็ปไซต์ | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์.

  ipv6 ready 
จำนวนผู้เข้าชมทั้งหมด
5375293
คน
จำนวนผู้เข้าชมวันนี้
2144
คน